แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 3 ฎีกา คดีมีทางชนะ โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 63 แผ่นที่ 2)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ชำระเงินให้แก่โจทก์จำนวน 247,420 บาท 07 สตางค์ โดยให้จำเลยที่ 3ร่วมรับผิดใช้เงินให้แก่โจทก์จำนวน 121,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยที่ 4 ร่วมรับผิดใช้เงินให้แก่โจทก์จำนวน 60,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จหากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ และหากไม่พอให้ยึดทรัพย์อื่น ๆ ของจำเลยทั้งสี่ออกขายทอดตลาดจนครบแต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินกว่าหนี้ที่จำเลยแต่ละคนจะต้องร่วมรับผิด
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันใช้ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 247,420.07 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 3 และที่ 4ร่วมรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์จำนวน 130,000 บาท และ 60,000 บาทตามลำดับ พร้อมดอกเบี้ยทบต้นในอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2527 เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 27 สิงหาคม 2529ต่อจากนั้นให้คิดดอกเบี้ยธรรมดาในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน130,000 บาท และ 60,000 บาท ซึ่งรวมดอกเบี้ยทบต้นเข้าด้วยแล้วเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 3 ฎีกา และยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 54,61)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ให้ศาลชั้นต้นตีราคาทรัพย์สินที่จำนอง ถ้าไม่พอชำระต้นเงินและดอกเบี้ยตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มีกำหนด 5 ปี และจำเลยที่ 3 หาประกันมาให้ครบภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกา มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง