คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นหัวหน้าประกอบแบตเตอรี่ของจำเลยมีหน้าที่รับผิดชอบควบคุมดูแลงานในแผนกเกี่ยวกับการผลิตให้มีคุณภาพดูแลการทำงานของเครื่องจักรในแผนก ควบคุมบังคับบัญชาคนงานจำนวนมาก ตระเตรียมวางแผนงานและประสานงานกับแผนกอื่นเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและตามนโยบายของฝ่ายผลิตเมื่อปรากฏว่าผลงานของโจทก์ไม่เป็นที่พอใจ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยทั้งไม่มีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการกลั่นแกล้ง จำเลยย่อมเลิกจ้างโจทก์เสียได้ กรณีไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมอย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย ตำแหน่งสุดท้ายเป็นหัวหน้าประกอบแบตเตอรี่ ค่าจ้างเดือนละ 5,250 บาท ต่อมาเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2524 จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ได้กระทำผิดและไม่ปรากฏสาเหตุ เป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอบังคับให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายแก่โจทก์เท่ากับค่าจ้าง 10 ปี เป็นเงิน 630,000 บาท

จำเลยให้การด้วยวาจาว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากโจทก์ไม่สามารถควบคุมงานในแผนกให้ดำเนินไปโดยมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพตามที่จำเลยกำหนดไว้ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของจำเลย เช่น บรรจุแผ่นธาตุและส่วนประกอบอื่น ๆ ลงในเปลือกแบตเตอรี่ มีการรัดวงจร และผ่านการตรวจสอบของแผนกนี้ออกไปสู่ท้องตลาด และได้รับการร้องเรียนจากผู้จัดจำหน่ายอยู่เนือง ๆ ทำให้การขายตกต่ำ อีกประการหนึ่ง โจทก์ไม่สามารถวางแผนงานในแผนกซึ่งเป็นหน้าที่ของโจทก์เพื่อให้พนักงานในบังคับบัญชาทำงานโดยมีประสิทธิภาพตามเป้าหมายของจำเลย ทำให้เสียเวลาในการผลิตโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้โจทก์ยังมีหน้าที่ต้องดูแลการทำงานของเครื่องจักรในแผนกของตนให้ดำเนินไปโดยมีประสิทธิภาพและประสานงานกับวิศวกรรม แต่ผลงานของโจทก์ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ฝ่ายบริหารของจำเลยได้พิจารณาเห็นว่าโจทก์ไม่เหมาะสมที่จะทำงานในตำแหน่งนี้ต่อไป ประกอบกับมีการผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ จึงได้เสนอย้ายโจทก์ไปรับหน้าที่ในตำแหน่งนายตรวจคุณภาพซึ่งเกี่ยวข้องกับหน้าที่เดิมของโจทก์โดยตรง โดยมีศักดิ์ศรีและรายได้เท่าเดิม ลดภาระในการบังคับบัญชาพนักงานลงจากเดิม แต่ได้รับการปฏิเสธจากโจทก์ด้วยเหตุผลว่าต้องการจะออกไปประกอบอาชีพอื่น จำเลยจึงปลดโจทก์ออกจากงาน เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าเสียหายตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า การโยกย้ายตำแหน่งเป็นสิทธิของจำเลยที่จะใช้ดุลพินิจเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน แต่โจทก์ไม่ยอมรับตำแหน่งเอง การเลิกจ้างโจทก์ไม่เป็นการกลั่นแกล้ง ไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นหัวหน้าประกอบแบตเตอรี่ มีหน้าที่รับผิดชอบควบคุมดูแลงานในแผนกเกี่ยวกับการผลิตให้มีคุณภาพ ดูแลการทำงานของเครื่องจักรในแผนกควบคุมบังคับบัญชาคนงานจำนวนมาก ตระเตรียมวางแผนและประสานงานกับแผนกอื่นเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและตามนโยบายของฝ่ายผลิต แต่ปรากฏว่าผลงานของโจทก์ไม่เป็นที่พอใจ ได้ตรวจพบข้อบกพร่องในแผนกประกอบแบตเตอรี่เสมอ ๆ ในระหว่างที่อยู่ในความรับผิดชอบของโจทก์ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลย ซึ่งข้อบกพร่องของโจทก์อันเป็นสาเหตุนำไปสู่การเลิกจ้างครั้งนี้ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเป็นผู้ตรวจพบเอง ไม่มีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่า เป็นการกลั่นแกล้งประกอบทั้งก่อนมีการเลิกจ้างจำเลยได้เสนอย้ายโจทก์ให้ทำหน้าที่ในตำแหน่งอื่น ในระดับเดียวกัน รายได้เท่าเดิม ซึ่งในการบริหารงานนั้น จำเลยย่อมมีสิทธิทำได้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน แต่โจทก์ไม่ยอมรับตำแหน่งใหม่เองกลับสมัครใจที่จะออกจากงาน พฤติการณ์เช่นว่านี้เห็นว่าการเลิกจ้างมีเหตุสมควร ไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมอย่างใด

พิพากษายืน

Share