แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายที่โหนกแก้มซ้ายทะลุท้ายทอยล้มลงขาดใจตาย เมื่อจำเลยถูกจับกุมตัวได้ จำเลยได้ลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจรับสารภาพผิดว่าได้ยิงผู้ตายจริง นับว่าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลอยู่ ดังนี้ สมควรถือเป็นเหตุบรรเทาโทษของจำเลยได้สถานหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้กระทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกระทงต่างกรรมต่างวาระกัน กล่าวคือ จำเลยได้มีอาวุธปืนและครอบครองปืนนั้นโดยมิได้รับอนุญาตได้ใช้อาวุธปืนยิงนายสุวรรณ เปรมประสงค์จนถึงแก่ความตายทันที ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 55, 72, 78 พระราชบัญญัติเดียวกัน (ฉบับที่ 3)พ.ศ. 2501 มาตรา 5, 8 กฎกระทรวงฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2501) ออกตามความตามพระราชบัญญัตินั้น (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501 ข้อ (4), (16)ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และริบของกลาง
จำเลยให้การว่า ปืนของกลางเป็นของนายสุวรรณผู้ตาย นายสุวรรณใช้ปืนนี้จะยิงจำเลย จำเลยเข้าแย่ง บังเอิญปืนลั่นถูกผู้ตายตายส่วนกระสุนปืนคาไบน์ตามฟ้องไม่ใช่ของจำเลย
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า ในวันเกิดเหตุได้มีคนยิงปืนขึ้น 1 นัด ทางหน้าบ้าน นายสาลี่ จึงได้ออกไปดูพบจำเลย และจำเลยรับว่าเป็นคนยิงปืนเอง นายสาลี่จึงต่อว่าจำเลย คราวนี้จำเลยทำท่าจะยิงนายสาลี่อีก นายสาลี่จึงกดปากกระบอกปืนลงดินจนปืนลั่นขึ้นกระสุนปืนไปถูกเท้าเด็กชายกำจัดซึ่งยืนอยู่ระหว่างจำเลยกับนายสาลี่และมีหัวกระสุนปืนฝังดินอยู่ตรงนั้น นายสุวรรณจึงได้ออกไปถามว่าใครยิงปืนถูกเด็ก ครั้นแล้วจำเลยก็ใช้ปืนนั้นยิงถูกนายสุวรรณที่โหนกแก้มซ้ายทะลุท้ายทอยล้มลงขาดใจตาย โดยจำเลยมีอาวุธปืนนั้นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้มีทะเบียนอนุญาต แต่กระสุนปืนคาไบน์ 3 นัดตามฟ้องนั้นไม่ได้ความว่าจำเลยได้มีไว้ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 แต่ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 288 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นบทหนักให้จำคุกไว้มีกำหนด20 ปี ริบของกลาง ส่วนข้อหาฐานมีกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะในการสงครามให้ยกเสีย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงอย่างเดียวกับศาลชั้นต้นว่า จำเลยยิงผู้ตายตามพฤติการณ์ที่กล่าวมา แต่เห็นว่าควรลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ซึ่งเป็นกระทงหนักไม่ใช่บทหนัก และคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนมีประโยชน์แก่การพิจารณาควรเป็นเหตุบรรเทาโทษของจำเลยบ้าง พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ซึ่งเป็นกระทงหนัก แล้วลดโทษให้จำเลย 1 ใน 4 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 15 ปี นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ฝ่ายเดียวฎีกาต่อมาว่า เฉพาะที่ศาลอุทธรณ์ลดโทษให้จำเลย1 ใน 4 ว่าไม่ควรได้รับความปราณีเช่นนั้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏในชั้นสอบสวน จำเลยได้ให้การรับสารภาพต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าได้ยิงผู้ตายจริง นับว่าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลอยู่ถือเป็นเหตุบรรเทาโทษของจำเลยได้สถานหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ลดโทษโดยเหตุนี้ให้แก่จำเลย 1 ใน 4 จึงชอบแล้วพิพากษายืน