แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยโจทก์ได้วางสายเคเบิลโทรศัพท์ของโจทก์ในซอยสาธารณะไว้ก่อนแล้ว เป็นหน้าที่ของผู้ที่ไปทำการขุดถนนในภายหลังจะต้องใช้ความระมัดระวังการที่คนงานขุดถนนซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยปักแผ่นเหล็ก กั้นดินลงไปโดยวิธีใช้แรงกดดันอย่างแรงจนสายเคเบิลโทรศัพท์ได้รับความเสียหาย โดยไม่ตรวจดูให้ละเอียดและหาทางป้องกันมิให้เกิดความเสียหายเช่นนี้ ถือได้ว่าคนงานขุดท่อและปรับปรุงถนนโดยประมาทเลินเล่อ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ได้ขับรถขุดตักดินขุดถนนเพื่อสร้างท่อระบายน้ำบริเวณในซอยสุขุมวิท 101 ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญารับเหมาก่อสร้างจากกรุงเทพมหานคร ลูกจ้างของจำเลยที่ 1ทราบว่ามีสายเคเบิลโทรศัพท์ของโจทก์ฝังอยู่ใต้ดินในบริเวณใกล้เคียงและสามารถใช้ความระมัดระวังมิให้เครื่องมือขุดตักดินกระทบถูกสายเคเบิลโทรศัพท์ใต้ดินของโจทก์ แต่ลูกจ้างของจำเลยที่ 1หาได้ใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นไม่ เป็นเหตุให้เครื่องมือขุดตักดินกระทบถูกท่อร้อยสายและสายเคเบิลโทรศัพท์ใต้ดินของโจทก์ซึ่งฝังไว้ชำรุดเสียหายจนใช้การไม่ได้ โจทก์ได้ซ่อมตัดต่อเปลี่ยนแปลงสายเคเบิลโทรศัพท์ใต้ดินให้คืนกลับสู่สภาพเดิม โดยเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 211,831.01 บาท โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ของจำนวนเงินดังกล่าวนับแต่วันทำละเมิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 15,446.01 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 227,277.02 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินจำนวน211,831.01 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การว่า เหตุคดีนี้ไม่ได้เกิดเพราะความประมาทของลูกจ้างของจำเลยที่ 1 การขุดได้ใช้ความระมัดระวังอย่างเพียงพอเช่นวิญญูชนพึงกระทำแล้ว มิได้เป็นความประมาทขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้จากพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยทั้งสองว่า สำนักงานเขตพระโขนงได้ว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 ขุดฝังท่อระบายน้ำและทำถนนในซอยสุขุมวิท 101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ตามสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.15 ต่อมาวันที่ 27 มีนาคม 2533 คนงานขุดท่อได้ทำให้ท่อร้อยสายเคเบิลโทรศัพท์ของโจทก์แตกและสายเคเบิลโทรศัพท์ของโจทก์ซึ่งฝังอยู่ใต้ดินได้รับความเสียหาย มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ในประการแรกว่า ความเสียหายของสายเคเบิลโทรศัพท์เกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่อของคนงานขุดท่อหรือไม่ ในข้อนี้ปรากฏจากคำเบิกความของนายดำรงค์ คำหอมกุล พยานโจทก์ว่า นายดำรงค์ ได้ไปร่วมประชุมเรื่องการก่อสร้างปรับปรุงถนนในซอยสุขุมวิท 101แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร โดยมีเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณูปโภคและเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้รับเหมาไปร่วมประชุมด้วย หลังจากประชุมแล้วนายดำรงค์ได้ไปตรวจบริเวณที่จะก่อสร้าง ซึ่งนายดำรงค์ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ทราบว่า บริเวณนั้นมีสายเคเบิลโทรศัพท์ของโจทก์วางอยู่ตามผังที่กรุงเทพมหานครอนุญาต และนายปรางค์ ชุ่มเพ็งพันธ์เจ้าหน้าที่เขตพระโขนง พยานจำเลยก็เบิกความว่านายปรางค์ได้แจ้งแนวสายเคเบิลโทรศัพท์ให้จำเลยทั้งสองทราบทั้งปรากฏว่าโจทก์ได้วางสายเคเบิลโทรศัพท์ของโจทก์ในซอยสุขุมวิท 101 ไว้ก่อนแล้ว เป็นหน้าที่ของผู้ที่ไปทำการขุดในภายหลังจะต้องใช้ความระมัดระวัง ฉะนั้นการที่คนงานขุดถนนปักแผ่นเหล็กกั้นดินลงไปโดยวิธีใช้แรงกดดันอย่างแรงจนสายเคเบิลโทรศัพท์ได้รับความเสียหาย โดยไม่ตรวจดูให้ละเอียดและหาทางป้องกันมิให้เกิดความเสียหายเช่นนี้ ถือได้ว่าคนงานขุดท่อและปรับปรุงถนนกระทำการโดยประมาทเลินเล่อ”
พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน จำนวน227,277.02 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในจำนวนเงิน 211,831.01 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์