คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5621/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า แม้ที่พิพาทจะเป็นป่าสงวนแห่งชาติแต่ในระหว่างราษฎรด้วยกันย่อมใช้ยันกันได้ หากฟังว่าโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองใช้ประโยชน์อยู่ก่อนแล้ว จำเลยบุกรุกเข้าแย่งการครอบครอง โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้อง จำเลยฎีกาว่าที่พิพาทเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ไม่มีผู้ใดใช้ประโยชน์บนที่ดิน การกระทำของจำเลยไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ฟ้องคดีภายหลังจากที่จำเลยซื้อสิทธิในที่พิพาทจาก ป. รวมเวลาที่ ป. และจำเลยครอบครองเกินกว่าหนึ่งปี คดีโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้อง เป็นฎีกาที่มิได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าไม่ชอบหรือผิดพลาดข้อไหน อย่างไร เป็นฎีกาที่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และนางกอบกุลภรรยาร่วมกันซื้อที่ดินมือเปล่าจากผู้มีชื่อ และร่วมกันเพาะปลูกพืชผล ต่อมานางกอบกุลถึงแก่กรรม โจทก์ได้ครอบครองทำประโยชน์ต่อมาแต่ผู้เดียวจนถึงวันฟ้อง จำเลยบุกรุกนำรถแทรกเตอร์เข้าไปไถเกรดที่ดินบางส่วนขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์ ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 20,000 บาท นับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์และนางกอบกุลมิได้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทตามฟ้อง นายปัญญาเป็นเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองและนายปัญญาได้ขายสิทธิครอบครองที่ดินให้แก่จำเลย จำเลยจึงนำรถแทรกเตอร์ไถเกรดที่ดินใช้เป็นสถานที่ตากมันสำปะหลังของจำเลย โจทก์ไม่ได้ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายใน 1 ปีคดีโจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฟ้องร้อง จำเลยไม่จำต้องใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ในประเด็นอื่นแห่งคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าแม้ที่พิพาทจะเป็นป่าสงวนแห่งชาติ แต่ในระหว่างราษฎรด้วยกันย่อมใช้ยันกันได้ผู้ที่ครอบครองใช้ประโยชน์อยู่ก่อนย่อมมีสิทธิที่จะไม่ถูกรบกวนโดยบุคคลอื่น หากฟังว่าโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองใช้ประโยชน์อยู่ก่อนแล้วจำเลยบุกรุกเข้าไปแย่งการครอบครอง โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องได้ ที่จำเลยฎีกาโดยยกข้อเท็จจริงขึ้นกล่าวอ้างในฎีกาว่าที่ดินพิพาทเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ไม่มีผู้ใดใช้ประโยชน์บนที่ดินการกระทำของจำเลยไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ และโจทก์ฟ้องคดีภายหลังจากที่จำเลยซื้อสิทธิในที่ดินพิพาทจากนายปัญญา รวมเวลาที่นายปัญญาและจำเลยครอบครองเกินกว่าหนึ่งปี คดีโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้อง จึงเป็นฎีกาที่มิได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าเป็นการไม่ชอบหรือผิดพลาดข้อไหนอย่างไร เป็นฎีกาที่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของจำเลย

Share