แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยบังอาจเข้าไปในเคหะสถานที่อยู่อาศัยของนางสินโดยเจ้าของมิได้อนุญาตให้เข้าไปแล้วลักเอาสร้อยคอ 1 เส้นราคา 600 บาทของนางสินไปโดยใช้กริยาฉกฉวยพาหนีไปต่อหน้าขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา294,297,60
ดังนี้แม้ข้อเท็จจริงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยมึนเมาสุราแล้วถือวิสาสะเข้าไปลวนลามเจ้าทรัพย์จำเลยไม่มีเถยยะจิตต์คิดจะเอาทรัพย์แต่อย่างใดแต่จำเลยรับว่าได้เข้าไปในเคหะของเจ้าทรัพย์จริงและฟังไม่ได้ว่าเจ้าทรัพย์เรียกจำเลยเข้าไปคุยด้วย ก็ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกตามมาตรา 329(2) ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2498 เวลากลางคืน จำเลยบังอาจเข้าไปในเคหะสถานที่อยู่อาศัยของนางสิน บัวพิบาลโดยเจ้าของมิได้อนุญาตให้เข้าไป แล้วลักเอาสร้อย 1 เส้นราคา 600 บาทของนางสินไป ขอให้ลงโทษตาม กฎหมายอาญา มาตรา 294, 297, 60
จำเลยปฏิเสธต่อสู้ว่าคืนโจทก์หานางสินผู้เสียหายเรียกให้จำเลยเข้าไปคุยในบ้านแล้วใช้มีดฟันหน้าจำเลย
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยเมาเข้าไปลวนลามนางสินซึ่งควรจะเป็นความผิดอีกฐานหนึ่งแต่โจทก์ไม่ได้ฟ้อง พฤติการณ์ยังเป็นที่สงสัยว่าจำเลยจะดึงสายสร้อยของเจ้าทรัพย์จริง จึงควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 294 ตอน 2 ประกอบด้วย มาตรา 60 ให้จำคุกจำเลย 8 เดือน
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่ากรณีแห่งเหตุของเรื่องคงเนื่องจากจำเลยมืนเมาสุราแล้วถือวิสาสะเข้าไปลวนลามรบกวนเจ้าทรัพย์ถึงในห้องนอนขณะที่สามีไม่อยู่เวลามืด ๆ เจ้าทรัพย์จึงหยิบมีดฟันเอาจำเลยหามีเถยยะจิตคิดจะเอาทรัพย์แต่อย่างใดไม่ แต่จำเลยรับว่าได้เข้าไปในเคหะของนางสินจริงโดยไม่มีข้อแก้ตัว ที่จำเลยต่อสู้ว่านางสินเรียกจำเลยเข้าไปคุยด้วยนั้นไม่มีเหตุผลอันควรรับฟัง พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 329(2)ให้จำคุกจำเลยไว้ 6 เดือนลดฐานปรานีที่จำเลยรับสารภาพตามมาตรา 59 กึ่งหนึ่งคงเหลือโทษ จำคุก 3 เดือนและจำเลยไม่เคยต้องโทษมาก่อนทั้งได้รับบาดเจ็บถูกนางสินฟันหน้าโลหิตไหลได้รับผลกรรมสนองอยู่แล้วจึงควรให้รอการลงโทษจำเลยไว้ก่อนภายในกำหนด 3 ปีตาม มาตรา 41, 42