แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวนั้นเมื่อจำเลยรับมาเพราะกลัวความผิดตามประกาศของอำเภอจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้รับมาด้วยความสมัครใจ จำเลยจึงไม่มีเจตนาจะสละสัญชาติไทย
เมื่อจำเลยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับสามีคนต่างด้าว ตาม ก.ม. จำเลยจึงไม่จำต้องไปจดทะเบียนรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามประกาศของอำเภอจำเลยยังคงเป็นคนมีสัญชาติไทยตาม พ.ร.บ. สัญชาติ พ.ศ. 2456 ดังนี้ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวที่จำเลยได้รับตามพฤติการณ์ดังกล่าวจะใช้บังคับแก่จำเลยให้ขาดจากสัญชาติไทยไม่ได้ เมื่อจำเลยไม่มีหน้าที่จะต้องมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวแล้วจำเลยก็ไม่มีหน้าที่จะต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวที่จำเลยได้รับมานั้น
อนึ่งการที่จะขาดจากสัญชาติไทยตาม พ.ร.บ. สัญชาติ (ฉบับที่ 2) ม.5 พ.ศ. 2496 จะต้องเป็นไปด้วยใจสมัครจึงจะถูกต้องตามความประสงค์ของมาตรานี้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นคนต่างด้าวได้รับใบสำคัญประจำตัวตาม ก.ม. ว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าว จำเลยต่อใบสำคัญประจำตัวครั้งหลังเมื่อวันที่ ๘ ก.ค. ๙๔ หมดอายุวันที่ ๗ ก.ค.๙๕ จำเลยบังอาจไม่ต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวที่หมดอายุดังกล่าว ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.การทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๔๙๓ ม.๔,๑๐,๑๓,๒๐ พ.ร.บ.การทะเบียนคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๕ ม.๔
จำเลยต่อสู้ว่าเป็นคนไทย ได้สามีเป็นคนจีนแต่มิได้สมรส จำเลยมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโดยเจ้าพนักงานบอกว่ามีสามีเป็นจีนต้องรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวมิฉะนั้นมีความผิด จำเลยหลงเชื่อ แม้จำเลยจะมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวก็ไม่ทำให้จำเลยกลับกลายเป็นคนต่างด้าวไป
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.การทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๔๙๓ ม.๔,๑๐,๑๓,๒๐ พ.ร.บ. การทะเบียนคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๕ ม.๔ ให้ปรับจำเลยปีหนึ่งเป็นเงิน ๒๐๐ บาท ปราณีลดให้ ๑ ใน ๓ ตาม ม.๕๙ คงปรับ ๑๓๓ บาท ๓๓ สตางค์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ก.จำเลยเจตนาสละสัญชาติจึงได้ไปขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวเพื่อถือตามสัญชาติของสามีโดยมิใช่เป็นการหลงผิดดังที่จำเลยแก้ตัว
จำเลยเกิดในราชอาณาจักร บิดาเป็นคนต่างด้าวจำเลยรับใบสำคัญประจำตัวตาม ก.ม. จำเลยย่อมขาดจากสัญชาติไทยตาม พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๖ ม.๕
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวอยู่ก่อนแล้ว ใบสำคัญจึงใช้ได้ตาม ก.ม. จนกว่าจะหมดอายุ เมื่อใช้ พ.ร.บ.การทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๔๙๓ แล้ว จำเลยก็ย่อมต่ออายุใบสำคัญประจำตัวอีก ครั้งสุดท้ายหมดอายุวันที่ ๗ ก.ค.๙๕ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องต่ออายุใบสำคัญประจำตัว มิฉะนั้นต้องมีความผิดฐานไม่ต่อใบสำคัญประจำตัว
ศาลฎีกาเห็นว่าการที่จะขาดจากสัญชาติไทยตาม พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๒) ม.๕ พ.ศ. ๒๔๙๖ จะต้องเป็นไปด้วยใจสมัคร จึงจะถูกต้องตามความประสงค์ของมาตรานี้
คดีนี้จำเลยรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวมาเพราะกลัวความผิดตามประกาศของอำเภอจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้รับมาด้วยใจสมัคร จำเลยไม่มีเจตนาสละสัญชาติไทย อีกประการหนึ่งจำเลยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับสามีคนต่างด้าวของจำเลย เมื่อไม่ได้จดทะเบียนแล้วใน ก.ม.ฐานะของสามีต่างด้าวของจำเลยก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับจำเลย ๆ ไม่จำต้องไปจดทะเบียนรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามประกาศของอำเภอ จำเลยยังเป็นคนมีสัญชาติไทยตาม พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.๒๔๕๖ ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวที่จำเลยได้รับตามพฤติการณ์ดังกล่าวจะใช้บังคับแก่จำเลยให้ขาดจากสัญชาติไทยมิได้ เมื่อจำเลยไม่มีหน้าที่จะต้องมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวแล้ว จำเลยก็ไม่มีหน้าที่จะต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวที่จำเลยได้รับมาไว้นั้น
พิพากษายืน.