แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวันหรือเวลาที่จำเลยกระทำผิดตามที่ปรากฏในการพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง ศาลต้องยกฟ้องตาม ม.192 วรรค 2 ป.วิ.อาญา (ฉบับที่ใช้อยู่ในขณะฟ้องคดีนี้) จำเลยจะผิดหลงหรือเสียเปรียบในการต่อสู้คดีหรือไม่ ๆ สำคัญ
ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแม้จะมี พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ป.วิ.อาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ.2499 ให้ยกเลิก ม.192 และใช้ข้อความใหม่แทนก็ดี ก็จะนำมาใช้แก่คดีที่ฟ้องไว้ก่อนแล้วหาได้ไม่.
(ประชุมใหญ่ที่ 5/2499)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า วันที่ ๒๖ มี.ค.๙๘ เวลากลางคืน จำเลยทำร้ายร่างกายนางผันถึงบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษ ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม
จำเลยให้การภาคเสธว่าตามวันเวลาที่โจทก์หา โจทก์กับพวกทำร้ายก่อนจำเลยจึงทำไปเพื่อป้องกันตัว โทษที่รอการลงโทษ ไว้รับว่าจริง
เมื่อสืบพยานโจทก์ได้ ๓ ปากศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้ววินิจฉัยว่าพยานโจทก์ฟังได้ว่าเหตุเกิดเวลากลางวัน แต่ที่บรรยายในฟ้องว่าเหตุเกิดเวลากลางคืนจึงต่างกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามทางพิจารณาต้องยกฟ้องตาม ป.วิ.อาญา ม.๑๙๒ วรรค ๒ จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยมิได้ผิดหลงหรือเสียเปรียบในการต่อสู้คดีอย่างไร จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้สืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับวันเวลาที่โจทก์หาว่าจำเลยกระทำผิดตามที่ปรากฏในการพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องแล้ว ศาลก็ต้องยกฟ้องตาม ม.๑๙๒ วรรค ๒ ป.วิ.อาญา (ฉบับที่ใช้อยู่ในขณะฟ้องคดีนี้) จำเลยจะผิดหลงหรือเสียเปรียบในการต่อสู้คดีหรือไม่ ๆ สำคัญดังที่ศาลฎีกาได้เคยวินิจฉัยไว้เป็นแบบอย่างมาแล้ว
ส่วนกรณีที่ว่าระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาได้มี พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๖) พ.ศ.๒๔๙๙ ออกใช้ซึ่ง ม.๑๙๒ นี้ได้ถูกยกเลิกให้ใช้ข้อความใหม่แทนนั้น ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าจะนำมาใช้แก่คดีที่ฟ้องไว้ก่อนใช้ พ.ร.บ.นี้ไม่ได้ จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง