แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การบรรยายฟ้องในข้อหาฐานเบิกความเท็จนั้น เมื่อมีข้อความครบถ้วนตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158 เกี่ยวกับการกระทำทั้งหลายที่จำเลยกระทำผิด กับบรรยายว่าจำเลยได้สาบานตัวแล้วเอาความที่รู้ว่าเท็จมาเบิกในข้อสำคัญในคดี และข้อที่ว่าเท็จและความจริงเป็นอย่างไรอันเป็นองค์แห่งความผิดฐานเบิกความเท็จแล้ว ก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมายอันจะพึงรับไว้พิจารณา
ย่อยาว
คดีสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องและพิพากษารวมกันโจทก์ฟ้องว่าจำเลยสาบานตัว เอาความที่รู้อยู่ว่าเท็จมาเบิกความในข้อสำคัญในคดีเป็นพยานในสำนวนคดีแพ่งระบุเลขคดีโจทก์จำเลยมากมายหลายตอน และความจริงเป็นอย่างที่โจทก์ระบุกระทำให้โจทก์เสียหาย
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเท่าที่โจทก์บรรยายฟ้องไม่สามารถเข้าใจข้อหาได้ดีว่าข้อความเท็จสำคัญแก่คดีอย่างไรไม่เป็นฟ้องอันถูกต้องตามกฎหมายอันจะพึงรับไว้วินิจฉัย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้อง คดีนี้มีใจความครบถ้วนตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 กล่าวโดยเฉพาะเกี่ยวกับการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยทำผิดฐานเบิกความเท็จฟ้องก็ได้บรรยายแล้วว่าจำเลยได้สาบานตัวเอาความที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จมาเบิกในข้อสำคัญในคดี ตลอดจนบรรยายข้อความที่เบิกซึ่งอ้างว่าเป็นเท็จและความจริงเป็นอย่างไรอันเป็นองค์แห่งความผิดฐานเบิกความเท็จ โจทก์ก็ได้กล่าวระบุหมายเลขคดีให้ปรากฏอยู่แล้ว และจำเลยในคดีนี้ได้เกี่ยวข้องเป็นคู่ความและเป็นพยานในคดีนั้นเอง ย่อมจะเข้าใจข้อหาดังกล่าวได้ดี ฟ้องคดีนี้จึงสมบูรณ์ตามกฎหมาย
จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้วินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาใหม่