แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เอาที่ดินที่ยกให้จำเลยไปขายแก่ผู้อื่น จำเลยจึงพูดจากับโจทก์ด้วยถ้อยคำว่า เฒ่า หัวหงอกหัวขาวนานตาย และไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าโจทก์ขายที่ดินที่ยกให้จำเลยแก่ผู้อื่น เนื้อหาตลอดจนความหมายแห่งถ้อยคำดังกล่าวมิใช่คำด่า เป็นเพียงคำ พูดจากระทบกระเทือนที่จำเลยไม่สมควรใช้กับโจทก์ซึ่งเป็นบุพการีเท่านั้นการแจ้งความและการใช้ถ้อยคำดังกล่าวกับโจทก์ไม่ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง อันจะเป็นเหตุขอเพิกถอนการให้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ยกที่ดินพร้อมบ้านหนึ่งหลัง ที่ดินทำนากับกระบือ 7 ตัว ให้จำเลยซึ่งเป็นหลานโดยมีข้อตกลงให้จำเลยเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูโจทก์ได้ โจทก์ยากจนต้องอาศัยคนอื่นดูได้รับความเดือดร้อนอย่างยิ่ง และจำเลยได้ไล่โจทก์ออกจากบ้านพร้อมทั้งด่าโจทก์ว่า ไอ้ เฒ่าหัวหงอกมึงแก่แล้ว ขอให้มึงตายเร็ว ๆ กับไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จับกุมโจทก์เพราะกลัวว่าโจทก์จะขายที่ดินทั้งสองแปลงให้บุคคลอื่น ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงอย่างร้ายแรงเป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินทั้งสองแปลงและบ้านที่ยกให้คืนแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ยอมโอนให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ไม่เคยด่าหรือดูหมิ่นเหยียดหยามโจทก์ และไม่เคยไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จับโจทก์เพราะกลัวว่าโจทก์จะขายที่ดิน ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาโจทก์ถึงแก่กรรม นางอวลวงกระโซ่บุตรโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินกับบ้านคืนแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติได้ว่า โจทก์เป็นบิดาของมารดาจำเลย มารดาจำเลยถึงแก่กรรมเมื่อจำเลยอายุได้ 8 เดือนโจทก์เลี้ยงดูจำเลยตลอดมาตั้งแต่มารดาจำเลยถึงแก่กรรม เมื่อจำเลยทำมาหากินได้ จึงเป็นฝ่ายเลี้ยงดูโจทก์ซึ่งล่วงสู่วัยชรา โจทก์ได้จดทะเบียนยกที่ดินปลูกบ้านพร้อมบ้านที่อยู่อาศัยร่วมกับจำเลยและที่ดินทำนากับกระบืออีก 7 ตัว ให้จำเลยเมื่อปี 2527 ครั้นปลายปี 2528จำเลยได้พูดจากับโจทก์ด้วยถ้อยคำว่า เฒ่าหัวหงอกหัวขาวนานตายและไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าโจทก์ขายที่ดินที่ยกให้จำเลยแก่ผู้อื่น และข้อเท็จจริงเชื่อได้ว่า โจทก์ได้เอาที่ดินที่ยกให้จำเลยแล้วไปขายให้แก่ผู้อื่นจริงดังที่จำเลยไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนถ้อยคำที่จำเลยกล่าวกับโจทก์ว่า หัวหงอกหัวขาวนานตายนั้นศาลฎีกาเห็นว่า ทั้งเนื้อหาตลอดจนความหมายแห่งถ้อยคำมิใช่คำด่าเป็นเพียงคำพูดจา กระทบกระเทียบที่จำเลยไม่สมควรใช้กับโจทก์ซึ่งเป็นบุพการีเท่านั้น การแจ้งความและการใช้ถ้อยคำของจำเลยดังกล่าวกับโจทก์หาทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงไม่ จำเลยมิได้ประพฤติเนรคุณอย่างใดต่อโจทก์อันจะเป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิเรียกถอนคืนการให้จากจำเลยได้
พิพากษายืน.