คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บุคคลที่ทางราชการได้ประกาศเป็นบุคคลที่เป็นสัตรูต่อสหประชาชาติแล้วนั้น ยังขืนโอนทรัพย์สินของตนให้ผู้อื่นไป การโอนนั้นย่อมเป็นการละเมิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกักคุมตัวและการควบคุมจัดกิจการหรือทรัพย์สินของบุคคลที่สัตรูต่อสหประชาชาติ จึงตกเป็นโมฆะฉะนั้นถ้ามีผู้ใดรับซื้อทรัพย์ทีโอนนั้นไปอีก ก็ไม่ทำให้ผู้ซื้อมีสิทธิดีกว่า ผู้โอน ก.ท.ส. จึงมีอำนาจฟ้องเรียกทรัพย์นั้นคืนมาได้

ย่อยาว

ตู้เย็นไฟฟ้ารายพิพาทเดินเป็นของนายเอคีตาโชวีฯ ได้ให้ตู้นี้แก่นาย ร.ต.อ.โอภา ภายหลังที่ทางราชการได้ประกาศควบคุมตัวและทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นสัตรูต่อสหประชาชาติแล้ว จำเลยได้ซื้อตู้เย็นจากนาย ร.ต.อ.โอภา แล้วขายให้แก่นาย พ.ต.ต.จำลอง ต่อมาเจ้าหน้าที่ยึดตู้จากนาย พ.ต.ต.จำลอง แล้วมอบให้จำเลย แล้วจำเลยไม่ยอมคืนให้โจทก์ ๆ จึงงฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การที่จำเลยซื้อตู้เย็นรายพิพาทจากนาย ร.ต.อ.โอภานั้น เป็นโมฆะ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกักคุมคัวและการควบคุมจัดกิจการหรือทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นสัตรูต่อสหประชาชาติ พ.ศ. ๒๔๘๘ จึง พิพากษาให้จำเลยส่งมอบตู้เย็นรายพิพาทคืน ให้โจทก์หรือใช้ราคา ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่นายเอสคีตาโชยี่ ชาวญี่ปุ่นโอนตู้ให้แก่นาย ร.ต.อ.โอภานั้น เป็นการละเมิดต่อพ.ร.บ.ว่าด้วยการกักคุมตัวและการควบคุมจัดการหรือทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นสัตรูต่อสหประชาชาติ พ.ศ.๒๔๘๘ ย่อมตกเป็นโมฆะ ฉะนั้นการที่จำเลยรับซื้อจากนาย ร.ต.อ.โอภา ก็ไม่ทำให้จำเลยมีสืทธิดีกว่าผู้โอน ข้อที่จำเลยฎีกาว่าได้ซื้อตู้ในตลาดเปิดเผย ก็ไม่ตรงกับหลักฐานในสำนวน.
จึงพิพากษายืน

Share