แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยปีนขึ้นไปบนม้าแล้วใช้มือโหนประตู จะปีนเข้าไปในบริษัท เผอิญได้ยินเสียงบังโคลนรถจักรยานของตำรวจกระทบกันดังขึ้น จำเลยทำการลักทรัพย์ไม่สำเร็จก็พากันหนีไป ดังนี้ เป็นการกระทำเข้าขั้นพยายามลักทรัพย์แล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยทั้งสามสมคบกันพยายามปล้นทรัพย์ของบริษัทธานี จำกัด ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๕,๖๐ ศาลอุทธรณ์พิจารณาตามคำพยานโจทก์ว่า คืนโจทก์หา ส.ต.ท.คริสน์ และ ส.ต.ต.จันทร์ ….. ได้เห็นรถสามล้อ ๒ คันขี่ตามกันมา …. มีคนนั่งมาด้วยแล้วสามล้อนั้นขึ่ตามกันไปทางซอยท่าใหม่ข้างบริษัทธานี จำกัดและหยุด มีชาย ๓ คนลงจากสามล้อ พากันเดินไปทางด้านหลังบริษัทธานี จำกัด ช่วยกันยกม้าให้ตั้งที่ใกล้ประตูด้านหลังของตึก แล้วจำเลยที่ ๑ ได้ปืนขึ้นไปบนนั้น …. ขณะจำเลยที่ ๑ ใช้มือโหนประตูจะเข้าไปในบริษัท พอดีรถจักรยานที่ตำรวจทั้ง ๒ นายใช้ขี่วางทับกันอยู่มีเสียงกระทบกันดังขึ้น จำเลยที่ ๑ รู้ตัวรีบลงม้าแล้ววิ่งมาที่สามล้อจะหนี้ ส.ต.ท.คริสน์ และ ส.ต.ต.จันทร์ ได้ไล่ตามจับจำเลยทั้งสามได้ที่ปากซอยข้างบริษัทธานี จำกัดนั่นเอง ศาลอุทธรณ์เชื่อคำพยานโจทก์เป็นความจริง คงพิพากษายืน
จำเลยทั้ง ๓ ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อกฎหมายที่จำเลยคัดค้าน ควรต้องวินิจฉัยมีเพียงว่า การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์หรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยที่ ๑ ปีนขึ้นไปบนม้า แล้วใช้มือโหนประตูจะปีนเข้าไปในบริษัทฯ เผอิญได้ยินเสียงบังโคลนรถจักรยานของตำรวจกระทบกันดังขึ้น จำเลยทั้งสามทำการลักทรัพย์ไม่สำเร็จ ก็พากันหนีไป ควรฟังว่าเข้าขั้นฐานพยายามลักทรัพย์แล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน