แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
พ.ร.บ.การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยฯ (มาตรา 30 บัญญัติไว้แต่เพียงว่าให้จำเลยจ่ายเงินค่าทดแทนตามความเป็นธรรมแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินโดยมิได้บัญญัติรายละเอียดของหลักเกณฑ์ที่จะให้นำมาใช้คำนึงในการกำหนดและจ่ายเงินค่าทดแทนอย่างเป็นธรรมเช่นที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯ มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) ถึง (5) แต่เนื่องจาก พ.ร.บ.ทั้งสองฉบับนี้มีเจตนารมณ์ที่จะจ่ายเงินค่าทดแทนที่เป็นธรรมแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินและทรัพย์สินอื่น ดังนั้น การที่จะพิจารณากำหนดเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินตามความเป็นธรรมตาม พ.ร.บ.การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยฯ มาตรา 30 ก็ควรคำนึงถึงหลักเกณฑ์ทำนองเดียวกันที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯ มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) ถึง (5)
พ.ร.บ.การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยฯ มาตรา 30 ทวิ วรรคสาม บัญญัติว่า “ในกรณีที่ศาลวินิจฉัยให้ชำระเงินค่าทดแทนเพิ่มขึ้น ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินหรือผู้ทรงสิทธิอื่นได้รับดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสินในจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้นับแต่วันที่ต้องมีการจ่ายเงิน วางหรือฝากเงินค่าทดแทนนั้น” เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีหนังสือลงวันที่ 13 กันยายน 2542 แจ้งให้โจทก์ไปรับเงินค่าทดแทนที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ระบุให้ไปรับวันใด แต่ได้ความว่าจำเลยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของโจทก์เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2542 วันดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นวันที่จำเลยวางหรือฝากเงินค่าทดแทนโจทก์จึงมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยสำหรับเงินค่าทดแทนส่วนที่เพิ่มขึ้นนับแต่วันที่ 13 กันยายน 2542 เป็นต้นไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าทดแทนที่จำเลยก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าผ่านที่ดินโจทก์เพิ่มอีก 241,708.75 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประจำธนาคารออมสินของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันที่ 13 กันยายน 2542 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยจ่ายเงินค่าทดแทนที่ดินให้แก่โจทก์เหมาะสมและเป็นธรรมแล้ว ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและขาดอายุความ 1 ปี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 42,890.62 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 13 กันยายน 2543 จนกว่าจะชำระเสร็จ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกาโดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า “…มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าโจทก์ควรได้รับค่าทดแทนการใช้ที่ดินเพิ่มขึ้นจากที่จำเลยกำหนดขึ้นอีกหรือไม่ เพียงใดโจทก์ฎีกาโดยสรุปว่าโจทก์ซื้อที่ดินแปลงนี้มาเมื่อปี 2533 ในราคา 300,000 บาท เพื่อใช้ปลูกสร้างอาคารบ้านพักตากอากาศ เมื่อที่ดินถูกสายส่งไฟฟ้าแรงสูงพาดผ่านและปักเสาไฟฟ้าแรงสูงลงในที่ดิน 1 ต้น ทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินได้ตามที่ต้องการและจำเลยกำหนดให้ที่ดินของโจทก์เป็นประเภทที่นา เงินค่าทดแทนที่จำเลยกำหนดให้แก่โจทก์จึงไม่เป็นธรรม ทั้งที่ที่ดินของโจทก์อยู่ติดลำห้วยฮ่องฮอซึ่งมีโครงการพัฒนาลำห้วยฮ่องฮอตั้งแต่ปี 2536 เพื่อทำเป็นแหล่งเก็บน้ำและแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดซึ่งทำให้ที่ดินของโจทก์มีราคาสูงขึ้น ที่ดินของผู้อื่นซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกับที่ดินของโจทก์คือที่ดินของนางปรัชดาซื้อมาเมื่อปี 2538 ในราคาไร่ละ 200,000 บาท นำไปจำนองต่อธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขานครพนมเมื่อปี 2539 ในราคาจำนองเฉลี่ยไร่ละ 150,000 บาท การที่คณะกรรมการกำหนดค่าทดแทนกำหนดราคาที่ดินของโจทก์เพียงไร่ละ 150,000 บาท จึงไม่เป็นธรรมเพราะไม่นำราคาที่ดินข้างเคียงมาพิจารณาประกอบในการกำหนดค่าทดแทน เห็นว่า พระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ.2511 มาตรา 30 บัญญัติไว้แต่เพียงว่าให้จำเลยจ่ายเงินค่าทดแทนตามความเป็นธรรมแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สิน โดยมิได้บัญญัติรายละเอียดของหลักเกณฑ์ที่จะให้นำมาใช้คำนึงในการกำหนดและจ่ายเงินค่าทดแทนอย่างเป็นธรรมเช่นที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) ถึง (5) แต่เนื่องจากพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับนี้มีเจตนารมณ์ที่จะจ่ายเงินค่าทดแทนที่เป็นธรรมแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินและทรัพย์สินอื่น ดังนั้น การที่จะพิจารณากำหนดเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินตามความเป็นธรรมตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ.2511 มาตรา 30 ก็ควรคำนึงถึงหลักเกณฑ์ทำนองเดียวกับที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) ถึง (5) กรณีการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) ถึง (5) คือ วันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน อันเป็นวันเริ่มต้นของการกำหนดแนวเขตที่ดินที่จะเวนคืนมีผลใช้บังคับ เมื่อเทียบกันกับกรณีในคดีนี้ วันอันเป็นฐานที่ตั้งในการพิจารณาราคาของอสังหาริมทรัพย์และสภาพและที่ตั้งของอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในแนวเขตดินสายส่งไฟฟ้าคือวันที่ประกาศกำหนดเขตสำรวจทั่วไปเพื่อเลือกแนวหรือที่ตั้งระบบไฟฟ้าในราชกิจจานุเบกษาตามมาตรา 28 (2) (ข) แห่งพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ.2511 ซึ่งจำเลยได้ประกาศเรื่อง กำหนดเขตสำรวจสายส่งไฟฟ้าขนาด 230 กิโลโวลต์ตัดตอนจากสายส่ง 230 กิโลโวลต์ สกลนคร 2 เสาไฟฟ้าข้ามแม่น้ำโขงบนฝั่งประเทศไทยที่จังหวัดนครพนม วงจรที่ 1 ไปยังสถานีไฟฟ้าย่อยนครพนม ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2541 ดังนั้น วันที่จะพิจารณาถึงราคาอสังหาริมทรัพย์และสภาพและที่ตั้งของที่ดินของโจทก์ซึ่งอยู่ในแนวเขตสำรวจสายส่งไฟฟ้านี้คือวันที่ 4 สิงหาคม 2541…
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ข้อสุดท้ายว่า โจทก์มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยจากจำเลยในอัตราเท่าใด เห็นว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี อันเป็นอัตราคงที่นับแต่วันที่ 13 กันยายน 2543 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์นั้น ไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ.2511 มาตรา 30 ทวิ วรรคสาม ที่บัญญัติว่า “ในกรณีที่ศาลวินิจฉัยให้ชำระเงินค่าทดแทนเพิ่มขึ้น ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินหรือผู้ทรงสิทธิผู้อื่นได้รับดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสินในจำนวนที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้นับแต่วันที่ต้องมีการจ่ายเงิน วางหรือฝากเงินค่าทดแทนนั้น” เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยมีหนังสือลงวันที่ 13 กันยายน 2542 แจ้งให้โจทก์ไปรับเงินค่าทดแทนที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ระบุให้ไปรับเงินในวันใด แต่ได้ความว่าจำเลยโอนเงินค่าทดแทนเข้าบัญชีเงินฝากของโจทก์เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2542 วันดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นวันที่จำเลยวางหรือฝากเงินค่าทดแทน โจทก์จึงมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยสำหรับเงินค่าทดแทนส่วนที่เพิ่มขึ้นนับแต่วันที่ 13 กันยายน 2542 เป็นต้นไป ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินเพิ่มแก่โจทก์จำนวน 42,890.62 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสินในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 13 กันยายน 2542 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ