คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4533/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การรับว่าเป็นผู้มอบอำนาจให้พ. ลงชื่ออาวัลแทนแล้วก็ไม่มีกรณีที่จะต้องใช้ใบมอบอำนาจเป็นพยานหลักฐาน ที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่าใบมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์ไม่ครบถ้วนรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้นั้นจึงไม่เป็นสาระแก่คดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อเป็นการชำระหนี้เงินกู้ยืมให้แก่โจทก์ โดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 มอบอำนาจให้นายพรศักดิ์เป็นผู้อาวัล เมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดจำเลยทั้งสามไม่ใช้เงินตามตั๋วเงินดังกล่าว ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 876,413.69 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่า ตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องไม่มีมูลหนี้จำเลยที่ 2 และที่ 3 มอบอำนาจให้นายพรศักดิ์กรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 1 เป็นผู้อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งจำเลยที่ 1ออกให้แก่โจทก์ แต่หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวสิ้นผลไปแล้วนายพรศักดิ์ไม่มีอำนาจอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องแทนจำเลยที่ 2และที่ 3 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน876,413.69 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18.5 ต่อปี ของต้นเงิน600,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ฎีกาว่า ใบมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์ไม่ครบถ้วนรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้นั้น ในเมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การรับว่าเป็นผู้มอบอำนาจให้นายพรศักดิ์ลงชื่ออาวัลแทนแล้ว ก็ไม่มีกรณีที่จะต้องใช้ใบมอบอำนาจเป็นพยานหลักฐานปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกาในส่วนนี้ จึงไม่เป็นสาระแก่คดี ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน

Share