คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5546/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องคดีนี้อ้างว่า โจทก์ได้รับโอนมรดกที่ดินพร้อมตึกแถวมาจากผู้จัดการมรดกของ พ. จำเลยทั้งสามอยู่ในที่ดินโดยไม่มีสิทธิ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินและตึกแถวพิพาท ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (2) แต่เนื้อหาตามคำร้องสอดของผู้ร้องสอดอ้างว่า ก่อน พ. ซึ่งเป็นมารดาของผู้ร้องสอดถึงแก่ความตายโจทก์กับพวกร่วมกันทำพินัยกรรมของ พ. ปลอมขึ้น หลังจาก พ. ถึงแก่ความตาย ผู้จัดการมรดกของ พ. โอนที่ดินและตึกแถวดังกล่าวของผู้ร้องสอดให้แก่โจทก์โดยไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำร้องสอดในคดีนี้จึงเป็นการตั้งสิทธิเข้ามาในฐานะเป็นปฏิปักษ์กับโจทก์ เพื่อขอให้ศาลรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของผู้ร้องสอด เป็นคำร้องสอดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (1) เมื่อสิทธิที่ผู้ร้องสอดอ้างว่าถูกโจทก์โต้แย้งนี้ผู้ร้องสอดได้ฟ้องโจทก์กับพวกเป็นคดีอาญาและคดีแพ่งว่า พินัยกรรมของ พ. เป็นโมฆะแล้ว ซึ่งการวินิจฉัยให้มีผลตามคำร้องสอดก็ต้องวินิจฉัยว่า พินัยกรรมปลอมหรือเป็นโมฆะหรือไม่เช่นกัน เมื่อคำฟ้องในคดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างพิจารณา คำร้องสอดของผู้ร้องสอดคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้อนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 (1)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามขนย้ายทรัพย์สินพร้อมบริวารออกไปจากที่ดินและตึกแถวเลขที่ 1/34 ซอยจุลดิศ ถนนเพชรบุรี 19 แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร และชำระค่าเสียหายเดือนละ 100,000 บาท จนกว่าจำเลยทั้งสามจะขนย้ายทรัพย์สินพร้อมบริวารออกไปจากที่ดินและตึกแถวของโจทก์
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขออนุญาตเข้าไปเป็นคู่ความร่วมกับจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (2)
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องสอดอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องสอดฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องสอดว่า มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความในคดีหรือไม่ เห็นว่าผู้ร้องสอดยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องสอดได้ทำนิติกรรมให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 13354 ตำบลถนนพญาไท (ประแจจีน) อำเภอพญาไท (ดุสิต) กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างตึกแถวเลขที่ 1/34 ตามฟ้องแก่นางพิมพ์พร ซึ่งเป็นมารดาโดยเจตนาลวงร่วมกัน เพื่อป้องกันมิให้สามีชาวต่างชาติของผู้ร้องสอดมีสิทธิในทรัพย์สินดังกล่าว สัญญาให้ที่ดินและตึกแถวระหว่างผู้ร้องสอดกับนางพิมพ์พรจึงตกเป็นโมฆะ ก่อนนางพิมพ์พรตาย โจทก์กับพวกร่วมกันทำพินัยกรรมของนางพิมพ์พรปลอมขึ้น หลังนางพิมพ์พรตายผู้จัดการมรดกของนางพิมพ์พรได้โอนที่ดินและตึกแถวดังกล่าวของผู้ร้องสอดให้แก่โจทก์โดยไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ร้องสอดได้ฟ้องโจทก์กับพวกเป็นคดีอาญาและคดีแพ่งว่า พินัยกรรมเป็นโมฆะ ถอดถอนผู้จัดการมรดกและเรียกทรัพย์คืน จึงขอร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (2) แต่เนื้อหาตามคำร้องสอดของผู้ร้องสอดดังกล่าว เป็นการตั้งสิทธิเข้ามาในฐานะเป็นปฏิปักษ์กับโจทก์ เพื่อขอให้ศาลรับรอง คุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของผู้ร้องสอด จึงเป็นคำร้องสอดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1) เมื่อสิทธิที่ผู้ร้องสอดอ้างว่าถูกโจทก์โต้แย้งนี้ ผู้ร้องสอดได้ฟ้องโจทก์ต่อศาลไว้ก่อนแล้ว คดีอยู่ระหว่างพิจารณา คำร้องสอดของผู้ร้องสอดจึงเป็นฟ้องซ้อน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 (1) ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องสอดฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share