คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5535/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่กรป.กลางตั้งขึ้นเพื่อสอบให้แน่ชัดว่าได้มีการซ่อมรถยนต์9คันกับโจทก์จริงหรือไม่นั้นเป็นเรื่องภายในของหน่วยราชการที่สังกัดจำเลยที่2แม้คณะกรรมการดังกล่าวจะลงความเห็นว่าได้ว่าจ้างให้โจทก์ซ่อมจริงและควรหาทางนำเงินค่าซ่อมไปชำระแก่โจทก์ตามเอกสารหมายจ.34ถือไม่ได้ว่าเป็นการรับสภาพหนี้ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงเพราะการรับสภาพหนี้ต้องเป็นกรณีที่ลูกหนี้รับสภาพต่อเจ้าหนี้ว่าจะชำระหนี้ให้ซึ่งจะต้องกระทำโดยลูกหนี้เองหรือโดยตัวแทนของลูกหนี้เท่านั้นแต่ตามเอกสารหมายจ.34ไม่ปรากฎว่าจำเลยที่2ได้รับทราบในการกระทำดังกล่าวและไม่ปรากฎว่าจำเลยที่2ได้แต่งตั้งให้กรป.กลางเป็นตัวแทนไปรับสภาพหนี้ต่อโจทก์แม้กรป.กลางจะเป็นส่วนราชการในสังกัดของจำเลยที่2ก็มิได้หมายความว่าเป็นผู้แทนของจำเลยที่2เป็นเพียงผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้นและเปรียบลักษณะอย่างผู้ทำการแทนบริษัทกับบริษัทหาได้ไม่ เมื่อกรป.กลางเป็นเพียงหน่วยงานหนึ่งของจำเลยที่2ซึ่งจะต้องปฎิบัติภารกิจตามที่จำเลยที่2มอบหมายโดยเฉพาะการทำนิติกรรมสัญญากับบุคคลภายนอกกรป.กลางย่อมไม่อาจทำได้เพราะมิใช่นิติบุคคลตามกฎหมายต้องให้จำเลยที่2เป็นคู่สัญญากับบุคคลภายนอกหรือให้กรป.กลางเป็นผู้กระทำแทนในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่2ดังนี้สิทธิเรียกร้องค่าจ้างซ่อมรายนี้โจทก์สามารถเรียกร้องแก่จำเลยที่2ในฐานคู่สัญญาได้นับตั้งแต่วันที่โจทก์ส่งมอบรถยนต์ที่ซ่อมเสร็จจึงถือได้ว่าโจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องนั้นแก่จำเลยที่2ได้ตั้งแต่วันดังกล่าวและอายุความย่อมเริ่มนับแต่วันนั้นแต่โจทก์รีรอฟังผลจากกรป.กลางเรื่อยมาจนกระทั่งพ้นกำหนด2ปีนับแต่วันที่มีการส่งมอบและรับมอบรถยนต์ที่ซ่อมแล้วจึงต้องถือว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินจำนวน 621,622.15 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 540,541 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ จำเลยที่ 2 ว่าจ้างโจทก์ทำการซ่อมรถยนต์ทั้ง 9 คัน จริงแต่โจทก์ไม่ได้ซ่อมตามรายการที่โจทก์กล่าวอ้างในฟ้องข้อ 2ค่าซ่อมรถยนต์ทั้ง 9 คัน ไม่เกิน 250,000 บาท จำเลยที่ 3ว่าจ้างโจทก์ทำการซ่อมรถยนต์จำนวน 9 คัน ในฐานะเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 มิได้กระทำในฐานะส่วนตัว ฟ้องโจทก์ขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ กรป.กลางตั้งขึ้นเพื่อสอบให้แน่ชัดว่าได้มีการซ่อมรถยนต์ 9 คัน กับโจทก์จริงหรือไม่นั้นเป็นเรื่องภายในของหน่วยราชการที่สังกัดจำเลยที่ 2แม้คณะกรรมการดังกล่าวสอบสวนแล้วจะลงความเห็นว่าได้ว่าจ้างให้โจทก์ซ่อมจริงและควรหาทางนำเงินค่าซ่อมไปชำระแก่โจทก์ตามบันทึกเอกสารหมาย จ.35 ก็ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการรับสภาพหนี้ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง เพราะการรับสภาพหนี้ต้องเป็นกรณีที่ลูกหนี้รับสภาพต่อเจ้าหนี้ว่าจะชำระหนี้ให้ซึ่งจะต้องกระทำโดยลูกหนี้เอง หรือโดยตัวแทนของลูกหนี้เท่านั้น แต่ตามบันทึกในเอกสารหมาย จ.35 ไม่ปรากฎว่าจำเลยที่ 2 ได้รับทราบในการกระทำดังกล่าว และไม่ปรากฎว่าจำเลยที่ 2 ได้แต่งตั้งให้กรป.กลาง เป็นตัวแทนไปรับสภาพหนี้ต่อโจทก์ แม้ กรป.กลาง จะเป็นส่วนราชการในสังกัดของจำเลยที่ 2 ก็มิได้หมายความว่าเป็นผู้แทนของจำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น จะเปรียบลักษณะอย่างผู้ทำการแทนบริษัทกับบริษัทหาได้ไม่ รูปคดีฟังไม่ได้ว่ามีการรับสภาพหนี้ที่มีผลผูกพันจำเลยที่ 2 ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง ส่วนข้อที่โจทก์ฎีกาว่าพฤติการณ์ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เชิดกรป.กลาง ออกเป็นตัวแทนของตนนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 1และที่ 2 ร่วมกันว่าจ้างโจทก์เป็นผู้รับจ้างซ่อมรถยนต์ทั้ง 9 คันมิได้กล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 เชิด กรป.กลาง ให้เป็นตัวแทนของตนแต่อย่างใด ข้อฎีกาดังกล่าวจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เมื่อ กรป.กลาง เป็นเพียงหน่วยงานหนึ่งของจำเลยที่ 2 ซึ่งจะต้องปฎิบัติภารกิจตามที่จำเลยที่ 2 มอบหมายโดยเฉพาะการทำนิติกรรมสัญญากับบุคคลภายนอก กรป.กลาง ย่อมไม่อาจทำได้เพราะมิใช่นิติบุคคลตามกฎหมาย จำต้องให้จำเลยที่ 2 เป็นคู่สัญญากับบุคคลภายนอก หรือให้ กรป.กลาง เป็นผู้กระทำแทนในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ 2 ดังจะเห็นได้จากหนังสือสัญญาค้ำประกันที่โจทก์วางเป็นหลักประกันตามเงื่อนไขในการประกวดราคาตามเอกสารหมาย จ.26 ถึง จ.34 ก็ได้ระบุให้จำเลยที่ 2เป็นคู่สัญญา ดังนี้ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าสิทธิเรียกร้องค่าจ้างซ่อมรายนี้โจทก์สามารถเรียกร้องเอาแก่จำเลยที่ 2 ในฐานะคู่สัญญาได้นั้นตั้งแต่วันที่โจทก์ส่งมอบรถยนต์ที่ซ่อมเสร็จจึงถือได้ว่าโจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องนั้นแก่จำเลยที่ 2ได้ตั้งแต่วันดังกล่าว และอายุความย่อมเริ่มนับตั้งแต่วันนั้นแต่โจทก์ก็รีรอฟังผลจาก กรป.กลาง เรื่อยมาจนกระทั่งพ้นกำหนด2 ปี นับแต่วันที่มีการส่งมอบและรับมอบรถยนต์ที่ซ่อมเสร็จจึงต้องถือว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share