คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6840/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยที่ 1 จดทะเบียนตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด อันดามัน บิซิเนส แอนด์ เซอร์วิส เป็นนิติบุคคลต่างหากจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการตาม ป.พ.พ. มาตรา 1015 การที่โจทก์มีหนังสือรับรองให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด อันดามัน บิซิเนส แอนด์ เซอร์วิส เป็นตัวแทนของโจทก์ รหัสตัวแทน พีเค 0004 จะถือว่าจำเลยที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกันหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัด อันดามัน บิซิเนส แอนด์ เซอร์วิส ตามสัญญาค้ำประกันต่อโจทก์หาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 1,609,658.03 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 1,570,399.03 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษา ให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกันชำระเงิน 1,570,399.03 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2550 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 20,000 บาท ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 เสียด้วย ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 3 ทั้งสองศาล และค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ในศาลชั้นต้นให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติได้ในเบื้องต้นว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2547 จำเลยที่ 1 และที่ 2 ตกลงเป็นตัวแทนของโจทก์เพื่อชักชวนให้บุคคลทำสัญญาประกันภัยรถยนต์กับโจทก์ทั้งภาคสมัครใจและภาคบังคับ รวมทั้งประกันภัยเบ็ดเตล็ด รหัสตัวแทน พีเค 0004 จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีหน้าที่ส่งมอบเบี้ยประกันภัยที่รับชำระจากลูกค้าให้แก่โจทก์ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่เก็บเงินได้ ตามสัญญาตัวแทน มีจำเลยที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกันโดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม ตามสัญญาค้ำประกัน จำเลยที่ 3 เป็นบิดาของจำเลยที่ 2 โจทก์มีหนังสือรับรองลงวันที่ 9 มีนาคม 2548 ว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด อันดามัน บิซิเนส แอนด์ เซอร์วิส เป็นศูนย์บริการประกันภัยของโจทก์ที่จังหวัดภูเก็ต มีจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการศูนย์ รหัสตัวแทน พีเค 0004 เป็นตัวแทนประกันวินาศภัยของโจทก์ซึ่งทำหน้าที่ในการดำเนินการรับประกัน และขยายงานรับประกันภัยรถยนต์ อัคคีภัย การประกันภัยเบ็ดเตล็ด และประกันภัยอื่นประจำศูนย์บริการภูเก็ต ตามหนังสือรับรอง จำเลยที่ 1 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดอันดามัน บิซิเนส แอนด์ เซอร์วิส ตามหนังสือรับรอง ต่อมาจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุตรของจำเลยที่ 3 มีหนังสือแจ้งไปยังโจทก์ขอยกเลิกการเป็นตัวแทนของโจทก์ ตามหนังสือฉบับลงวันที่ 1 เมษายน 2548 ขณะนั้นจำเลยที่ 2 ไม่เคยทำหน้าที่ตัวแทนของโจทก์เพราะยังไม่มีหนังสือการเป็นตัวแทนจากโจทก์ จำเลยที่ 1 แจ้งเอาประกันภัยโดยใช้รหัส พีเค 0004 และไม่ส่งมอบเงินที่เก็บจากลูกค้าให้แก่โจทก์ 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,570,399.03 บาท ตามใบสรุปค่าเบี้ยประกันภัย โจทก์มีหนังสือแจ้งไปยังจำเลยที่ 1 และที่ 2 ขอยกเลิกการเป็นตัวแทนของโจทก์ตามหนังสือฉบับลงวันที่ 18 ตุลาคม ต่อมา วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2550 จำเลยที่ 1 ทำหนังสือรับสภาพหนี้กับโจทก์ยอมรับว่าเป็นหนี้ค่าเบี้ยประกันภัยค้างชำระ 1,570,399.03 บาท แต่ขอชำระเพียง 1,030,288.65 บาท และขอผ่อนชำระรวม 21 งวด ตามหนังสือรับสภาพหนี้มิได้ชำระเงินตามจำนวนที่ระบุในหนังสือรับสภาพหนี้แก่โจทก์ตั้งแต่กำหนดชำระเงินงวดแรกวันที่ 15 เมษายน 2550 คดีสำหรับจำเลยที่ 2 ยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ยกฟ้องโจทก์
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ 3 ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาค้ำประกันหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 3 ทำสัญญาค้ำประกันกับโจทก์ยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 3 ไม่ได้ยื่นคำให้การต่อสู้ในประเด็นหนี้ จำนวน 1,570,399.03 บาท เป็นหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัด อันดามัน บิซิเนส แอนด์ เซอร์วิส และไม่ได้นำสืบในศาลชั้นต้น จำเลยที่ 3 เพิ่งจะยกขึ้นมาในชั้นอุทธรณ์ จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 เห็นว่า ตามคำให้การจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในข้อ 3 ย่อหน้าที่ 3 จำเลยที่ 3 ให้การไว้โดยแจ้งชัดว่าสัญญาค้ำประกันตัวแทนเอกสารท้ายฟ้องโจทก์หมายเลข 5 เป็นการค้ำประกันจำเลยที่ 1 และที่ 2 มิได้ค้ำประกันหนี้บุคคลอื่น แต่หนี้ตามฟ้องโจทก์เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นจากห้างหุ้นส่วนจำกัด อันดามัน บิซิเนส แอนด์ เซอร์วิส ซึ่งมีจำเลยที่ 1 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการหรือผู้มีอำนาจและหนี้ตามฟ้องเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นจากห้างหุ้นส่วนจำกัด อันดามัน บิซิเนส แอนด์ เซอร์วิส ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนของโจทก์ทั้งสิ้น จำเลยที่ 3 มิได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับหนี้ตามฟ้อง ในชั้นพิจารณานายนวิน ผู้รับมอบอำนาจช่วงของโจทก์ก็เบิกความตอบคำถามค้านว่า หนังสือรับรองระบุว่าโจทก์ให้การรับรองว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด อันดามัน บิซิเนส แอนด์ เซอร์วิส ซึ่งไม่ใช่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ในคดีนี้เป็นตัวแทนที่ใช้รหัส พีเค 0004 สอดคล้องกับคำเบิกความของจำเลยที่ 3 จึงเป็นข้อที่ได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น เมื่อจำเลยที่ 1 จดทะเบียนตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด อันดามัน บิซิเนส แอนด์ เซอร์วิส เป็นนิติบุคคลต่างหากจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1015 การที่โจทก์มีหนังสือรับรองให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด อันดามัน บิซิเนส แอนด์ เซอร์วิส เป็นตัวแทนของโจทก์ รหัสตัวแทน พีเค 0004 จะถือว่าจำเลยที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกันหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัด อันดามัน บิซิเนส แอนด์ เซอร์วิส ตามสัญญาค้ำประกันต่อโจทก์หาได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหานี้มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดต่อโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 1 เฉพาะต้นเงิน 252,687.23 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 16 เมษายน 2550 ตามขอเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 3 ทั้งสามศาลให้เป็นพับ

Share