แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยมีกัญชาเป็นถุงใหญ่ ๑ ถุง และแบ่งเป็นถุงเล็ก อีก ๘ ถุงไว้ในครอบครอง แสดงว่าจำเลยแบ่งกัญชาเตรียมไว้เพื่อ จำหน่าย จึงมีความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีกัญชาจำนวน ๑ ถุงใหญ่กับ ๘ ถุงเล็ก รวมน้ำหนัก ๘๐๐ กรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยจำหน่าย กัญชาบางส่วนซึ่งมีไว้ดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ ๒ ในคดีอาญาหมายเลขแดง ที่ ๓๘๗๙/๒๕๓๐ ของศาลชั้นต้น ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๒๖, ๗๕, ๗๖, ๙๒, ๑๐๒
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗๖ วรรคแรก ให้จำคุก ๖ เดือน และปรับ ๗,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๒ ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ คำขออื่น ให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗๖ วรรคสอง ให้จำคุก ๒ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑ ปี ๔ เดือน โดยไม่รอการลงโทษ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟังได้ว่าจำเลยมีกัญชา ๑ ถุงใหญ่ และ ๘ ถุงเล็กของกลางไว้ในครอบครอง ฯลฯ การที่จำเลยมีกัญชาเป็น ถุงใหญ่ ๑ ถุง และแบ่งเป็นถุงเล็กอีก ๘ ถุง แสดงว่าจำเลยแบ่ง กัญชาเตรียมไว้เพื่อจำหน่าย จำเลยจึงมีกัญชาของกลางไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่าย ที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษให้นั้น เห็นว่าศาลอุทธรณ์กำหนดโทษเหมาะสมแก่รูปคดีแล้ว ฯลฯ
พิพากษายืน.