แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เมื่อจำเลยรับเอายาสูบที่มีผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรแล้วย่อมเป็นเวลาเดียวกันกับที่จำเลยมียาสูบจำนวนเดียวกันนั้นไว้ในครอบครองโดยมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาสูบ ดังนี้ จำเลยมีเจตนาในผลอย่างเดียวกันคือการหลีกเลี่ยงที่จะไม่ต้องเสียภาษีอากรตามกฎหมายการกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท แม้โจทก์แยกบรรยายการกระทำความผิดของจำเลยในฟ้องเป็นคนละข้อเพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันและจำเลยให้การรับสารภาพ ก็ลงโทษจำเลยหลายกรรมเป็นกระทงความผิดไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งไม่ได้เป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยาสูบได้มีบุหรี่ซิกาแรตซึ่งมิใช่ยาเส้นที่ทำจากใบยาพันธุ์ยาสูบพื้นเมืองแต่เป็นบุหรี่ซิกาแรตที่ผลิตในต่างประเทศ ชนิดต่าง ๆ อันเป็นยาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบตามกฎหมายไว้ในความครอบครองของจำเลยเกินกว่าห้าร้อยกรัมเพื่อขาย เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติยาสูบพ.ศ. 2509 และจำเลยได้ซื้อหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งบุหรี่ซิกาแรตดังกล่าวนั้น ซึ่งเป็นของที่มีแหล่งกำเนิดและผลิตในต่างประเทศ แล้วมีผู้ลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทย และจำเลยรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยหลีกเลี่ยงอากรข้อห้าม หรือข้อจำกัด อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 มาตรา 5, 19, 24, 44, 49, 50 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469มาตรา 27 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องเรียงกระทงลงโทษฐานมีไว้เพื่อขายซึ่งยาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ตามพระราชบัญญัติยาสูบมาตรา 50 ปรับ 475,675.50 บาท ฐานซื้อหรือรับไว้โดยรู้ว่าเป็นของหลีกเลี่ยงอากรตามพระราชบัญญัติศุลกากร มาตรา 27 ทวิปรับ 228,875.16 บาท รวมสองกระทงปรับ 704,532.66 บาทจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึี่ง คงปรับ 352,266.33 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิ ที่แก้ไขแล้ว ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ปรับ228,875.16 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 114,437.58 บาทนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ว่าการกระทำของจำเลยตามฟ้องเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่ ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์บรรยายฟ้องและจำเลยให้การรับสารภาพฟังได้ว่า จำเลยมียาสูบซึ่งเป็นบุหรี่ซิกาแรตที่ผลิตในต่างประเทศที่ยังไม่ปิดแสตมป์ยาสูบไว้ในครอบครองเพื่อขายอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาสูบ และจำเลยซื้อหรือรับไว้ซึ่งยาสูบที่เป็นบุหรี่ซิกาแรตที่ผลิตในต่างประเทศดังกล่าวที่มีผู้ลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยจำเลยรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้าม หรือข้อจำกัด อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อจำเลยรับเอายาสูบที่มีผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรตามกฎหมายแล้วย่อมเป็นเวลาเดียวกันกับที่จำเลยมียาสูบจำนวนเดียวกันนั้นไว้ในครอบครองโดยมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบนั้นเอง จึงเห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาในผลอย่างเดียวกันคือการหลีกเลี่ยงที่จะไม่ต้องเสียภาษีอากรตามกฎหมาย ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทแม้โจทก์จะแยกบรรยายการกระทำความผิดของจำเลยมาในฟ้องเป็นข้อ ก. และข้อ ข. เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน และแม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ตาม ศาลจะลงโทษจำเลยหลายกรรมเป็นกระทงความผิดไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน