คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5603/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ผู้คัดค้านอ้างว่าผู้คัดค้านเป็นภริยาของเจ้ามรดกโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่อยู่กินด้วยกันและมีทรัพย์สินร่วมด้วยบางรายการ ถือว่าผู้คัดค้านเป็นผู้มีส่วนได้เสียชอบที่จะยื่นคำคัดค้านการที่ผู้ร้องขอให้ตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกได้ หากพินัยกรรมทำขึ้นขณะผู้ตายล้มป่วยหนักสติสัมปชัญญะไม่สมประกอบ ดังคำคัดค้านผู้ร้องย่อมไม่มีอำนาจร้องต่อศาลขอให้ตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมได้ จึงจำต้องวินิจฉัยถึงความสมบูรณ์ของพินัยกรรม เมื่อพินัยกรรมสมบูรณ์ตามกฎหมาย การที่ผู้คัดค้านไม่ได้รับมรดกตามพินัยกรรมเลย และตามพินัยกรรมเจ้ามรดกมีเจตนาที่จะตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก ผู้ร้องไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือเสมือนไร้ความสามารถและไม่เป็นบุคคลล้มละลาย จึงสมควรเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย. (วรรคแรกและวรรคสอง วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่)

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนและมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายวิรัติ บุณยประสิทธิ์ ผู้ตาย
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นภริยาของนายวิรัติ บุณยประสิทธิ์ ผู้ตายโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสแต่อยู่กินร่วมกันกับผู้ตาย มีบุตรด้วยกัน 4 คน และมีทรัพย์สินร่วมด้วยพินัยกรรมฝ่ายเมืองและคำสั่งแต่งตั้งผู้จัดการมรดกที่ผู้ร้องอ้างไม่ถูกต้องสมบูรณ์เป็นโมฆะ เพราะทำขึ้นขณะที่ผู้ตายล้มป่วยหนักสติสัมปชัญญะไม่สมประกอบและผู้ร้องมีคุณสมบัติไม่ครบตามที่กฎหมายกำหนดขอให้ตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายและยกคำร้องของผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายวิรัติ บุณยประสิทธิ์ ผู้ตาย ยกคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้นางมารีนา บุณยประสิทธิ์ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของนายวิรัติ บุณยประสิทธิ์ เจ้ามรดกร่วมด้วยผู้หนึ่ง ให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น
ผู้ร้องและผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้ร้องเป็นบุตรนายวิรัติบุณยประสิทธิ์ ผู้ตายโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้คัดค้านเป็นภริยาของผู้ตายอีกคนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรส มีบุตรด้วยกัน 4 คนผู้ตายได้ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง ณ ที่ว่าการอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยกทรัพย์สินหลายรายการให้แก่ผู้ร้อง บางรายการให้ทายาทอื่นรวมทั้งบุตรของผู้คัดค้านด้วยต่อมาผู้ตายได้ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง ณ ที่ว่าการอำเภอพระนครศรีอยุธยา เพิ่มเติมพินัยกรรมฉบับแรกไม่ให้บุตรของผู้คัดค้านได้รับมรดก และพินัยกรรมทั้งสองฉบับมีข้อกำหนดในพินัยกรรมตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า การที่ผู้คัดค้านอ้างว่าผู้คัดค้านเป็นภริยาของเจ้ามรดกโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันแต่อยู่กินด้วยกันและมีทรัพย์สินร่วมด้วยบางรายการ ถือว่าผู้คัดค้านเป็นผู้มีส่วนได้เสียชอบที่จะยื่นคำคัดค้านการที่ผู้ร้องขอให้ตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกได้ และหากพินัยกรรมทำขึ้นขณะที่ผู้ตายล้มป่วยหนักสติสัมปชัญญะไม่สมประกอบ ดังคำคัดค้าน ผู้ร้องย่อมไม่มีอำนาจร้องต่อศาลขอให้ตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมได้ จึงจำต้องวินิจฉัยถึงความสมบูรณ์ของพินัยกรรม เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าพินัยกรรมดังกล่าวเป็นพินัยกรรมที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย การที่ผู้คัดค้านไม่ได้รับมรดกตามพินัยกรรมเลยและตามพินัยกรรมเจ้ามรดกมีเจตนาที่จะตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของตน เมื่อผู้ร้องไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือเสมือนไร้ความสามารถ และไม่เป็นบุคคลล้มละลายผู้ร้องจึงสมควรเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำสั่งของศาลชั้นต้น.

Share