คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5520/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นครูประจำชั้นให้เด็กนักเรียนในชั้นรวมทั้งผู้ตายซึ่งเป็นเด็กเล็ก อายุเพียง 11 ปี ไปช่วยจับปลาจากบ่อหนึ่งไปปล่อยในบ่อน้ำใหญ่ซึ่งมีช่วงที่ลึกและเป็นอันตรายแก่เด็ก เมื่อเสร็จงานแล้วก็เพิกถอนเสียมิได้ติดตามดูแลเด็กให้รีบกลับบ้านหรือห้ามปรามมิให้ลงเล่นน้ำ และเมื่อผู้ตายกับเพื่อน ๆ ลงเล่นน้ำในบ่อใหญ่แล้ว จำเลยก็มิได้ตักเตือนให้เล่นด้วยความระมัดระวังเพื่อจะได้ไม่ถลำลงไปในช่วงที่มีน้ำลึกและเป็นอันตราย ทั้ง ๆ ที่ในขณะนั้นจำเลยกับพวกก็นั่งดื่มสุราอยู่ที่ใต้ต้นมะพร้าวริมบ่อที่มีการจับปลานั่นเอง ผู้ตายลื่นลงไปในบ่อช่วงที่มีน้ำลึกและจมน้ำตาย ดังนี้ย่อมถือได้ว่าจำเลยให้ผู้ตายช่วยทำการงานในสถานที่ที่มีอันตรายแล้วไม่ดูแลให้ปลอดภัยตามสมควรแก่วัยของผู้ตายซึ่งเป็นเด็ก จึงเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้ผู้ตายซึ่งเป็นบุตรของโจทก์ถึงแก่ความตายและเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นมารดาของเด็กหญิงวราภรณ์ ขันขาวผู้ตายจำเลยเป็นครูประจำชั้นที่ผู้ตายเรียนหนังสืออยู่ เมื่อวันที่24 มิถุนายน 2531 จำเลยสั่งให้นักเรียนในชั้นเรียนที่จำเลยเป็นครูประจำชั้นไปที่บ้านจำเลยในวันที่ 25 มิถุนายน 2531 เพื่อจับปลาในสระที่บ้านจำเลย วันที่ 25 มิถุนายน 2531 ผู้ตายไปที่บ้านจำเลยและจับปลาในสระที่บ้านจำเลยไปใส่ไว้อีกสระหนึ่งในบริเวณใกล้เคียงกันซึ่งมีน้ำลึกมากจึงได้จมน้ำและถึงแก่ความตาย เหตุที่ผู้ตายถึงแก่ความตายนั้นเกิดจากการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อของจำเลย ขอให้บังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวน 212,850 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การปฏิเสธความรับผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นเกี่ยวกับการจัดการศพผู้ตาย 6,150 บาท กับค่าขาดไร้อุปการะอัตราเดือนละ 1,000 บาท เป็นเวลา 17 ปี เป็นเงิน 204,000 บาทรวมเป็นเงิน 210,150 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า เด็กหญิงวราภรณ์ถึงแก่ความตายเพราะการกระทำโดยประมาทเลินเล่อของจำเลยหรือไม่และจำเลยจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เพียงใดพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมีตัวโจทก์อ้างตนเองเป็นพยานยืนยันเหตุการณ์ที่เด็กหญิงวราภรณ์ผู้ตายกับเพื่อน ๆ ไปช่วยจำเลยซึ่งเป็นครูประจำชั้นจับปลา การค้นหาศพผู้ตาย ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการปลงศพ และความเสียหายที่โจทก์ได้รับเนื่องจากการตายของผู้ตายกับมีเด็กหญิงโก้ ดุสิต และเด็กหญิงเชาวรัตน์ ฉัตรเมืองปักเพื่อนนักเรียนร่วมชั้นของผู้ตาย มาเบิกความถึงเหตุการณ์ที่จำเลยแจ้งให้ทราบล่วงหน้าว่าจะมีการจับปลาที่บ่อและถามว่าใครจะไปด้วยบ้าง รวมทั้งเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ ที่จำเลยพาพยานกับเพื่อน ๆเดินทางจากบ้านไปที่บ่อเลี้ยงปลา และให้ลงจับลูกปลาจากบ่ออนุบาลใส่ถุงพลาสติกไปปล่อยลงในบ่อใหญ่กับให้จับปลาตัวใหญ่ขึ้นมาปิ้งกินแล้วปล่อยให้เด็กนักเรียนที่ไปช่วยจับปลาซึ่งรวมทั้งผู้ตายด้วยลงเล่นน้ำในบ่อใหญ่ที่ปล่อยปลาลงไป และมีน้ำลึก จนกระทั่งผู้ตายลื่นลงไปในบ่อช่วงที่มีน้ำลึกและจมน้ำตาย โดยที่จำเลยกับพวกก็นั่งดื่มสุราอยู่ที่ใต้ต้นมะพร้าวริมบ่อที่มีการจับปลานั่นเองคำพยานโจทก์สอดคล้องต้องกัน เด็กหญิงโก้และเด็กหญิงเชาวรัตน์พยานล้วนแต่ได้ไปรู้เห็นเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุ และเป็นลูกศิษย์ของจำเลยเอง ไม่มีเหตุที่จะเบิกความเอนเอียงเข้ากับโจทก์และให้ร้ายจำเลยแต่อย่างใด พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักดีกว่าฟังได้ตามที่นำสืบ การที่จำเลยซึ่งเป็นครูประจำชั้น ให้เด็กนักเรียนในชั้นซึ่งเป็นเด็กเล็ก อายุเพียง 11 ปี ไปช่วยทำงานเกี่ยวข้องกับบ่อน้ำใหญ่ซึ่งมีช่วงที่ลึกและเป็นอันตรายแก่เด็ก เมื่อเสร็จงานแล้วก็เพิกเฉยเสีย มิได้ติดตามดูแลให้รีบกลับบ้าน หรือห้ามปรามมิให้ลงเล่นน้ำในบ่อนั้นและเมื่อผู้ตายกับเพื่อน ๆ ลงเล่นน้ำในบ่อใหญ่แล้ว จำเลยก็มิได้ตักเตือนให้เล่นด้วยความระมัดระวัง เพื่อจะได้ไม่ถลำลงไปในช่วงที่มีน้ำลึกและเป็นอันตราย ทั้ง ๆ ที่ในขณะนั้นจำเลยพร้อมด้วยนายสุครีพ นายแสวงและนายสุระก็นั่งดื่มสุราอยู่ที่ใต้ต้นมะพร้าวริมบ่อที่มีการจับปลานั่นเอง ทำให้ผู้ตายลื่นลงไปในบ่อช่วงที่มีน้ำลึกและจมน้ำตาย ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าจำเลยให้ผู้ตายช่วยทำการงานในสถานที่ที่มีอันตราย แล้วไม่ดูแลให้ปลอดภัยตามสมควรแก่วัยของผู้ตายซึ่งเป็นเด็ก จึงเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้ผู้ตายซึ่งเป็นบุตรของโจทก์ถึงแก่ความตายและเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 128,550 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

Share