คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องโดยท้าวความว่าเดิมจำเลยทำสัญญาจะปลูกตึกในที่โจทก์ จำเลยผิดสัญญา โจทก์ก็ได้บอกเลิกแล้วจำเลยยังฝ่าฝืนอีก โจทก์จึงฟ้องขอให้ศาลบังคับ

ดังนี้ประเด็นที่ว่าจำเลยผิดสัญญาและโจทก์บอกเลิกสัญญาหรือไม่นั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อจำเลยอ้างขึ้นต่อสู้ซึ่งยังไม่เป็นข้อพิพาทกันในชั้นฟ้อง ฉะนั้นเมื่อคำบรรยายฟ้องไม่ได้ระบุว่าจำเลยผิดสัญญาประการใดบ้าง ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเดิมจำเลยทำสัญญาจะสร้างตึกบนที่ดินของโจทก์จำเลยผิดสัญญาหลายประการ โจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้วจำเลยยังฝ่าฝืน จึงขอห้ามมิให้จำเลยและบริวารเข้าทำการปลูกสร้างในที่ดินของโจทก์

จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยผิดสัญญาอย่างไรมิได้บรรยายในฟ้องมิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา และต่อสู้อื่น ๆ อีกหลายประการ

ศาลชั้นต้นเห็นว่าฟ้องของโจทก์ที่ขอให้ห้ามนี้ อาศัยเหตุที่ว่าจำเลยผิดสัญญา เพราะฉะนั้น ข้อที่ว่าจำเลยผิดสัญญาจริงหรือไม่จึงเป็นประเด็น แต่ฟ้องไม่ได้บรรยายว่าจำเลยผิดสัญญาอย่างไรข้อนี้จำเลยก็ได้คัดค้านแล้วฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุมพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าสำเนาเอกสารท้ายฟ้องประกอบกับฟ้อง เป็นฟ้องไม่เคลือบคลุม พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้พิจารณาพิพากษาใหม่ ผู้พิพากษานายหนึ่งแย้งว่าควรบังคับคดีอย่างศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามไม่ให้จำเลยเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ฝ่ายจำเลยถ้าจะขืนเข้าไปให้จนได้ ก็จะต้องแสดงข้อต่อสู้ว่าจำเลยมีสิทธิอันใดที่จะเข้าไป เช่นอ้างว่าเข้าไปเพื่อสร้างตึกตามสัญญา ประเด็นที่ว่าจำเลยผิดสัญญาและโจทก์บอกเลิกสัญญาหรือไม่ บางทีจะเกิดขึ้นได้ เมื่อจำเลยอ้างสัญญาขึ้นต่อสู้แต่ข้อนี้ยังไม่เป็นข้อพิพาทในชั้นฟ้อง ฉะนั้นคำบรรยายฟ้องไม่ต้องระบุว่าจำเลยผิดสัญญาประการใดบ้าง

Share