คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4826/2550

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ในบันทึกประจำวันผู้รับมอบอำนาจผู้เสียหายจะแจ้งเฉพาะชื่อและที่อยู่ของตน รวมทั้งการที่ผู้เสียหายมอบอำนาจให้ร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่ผู้กระทำการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายในเขตพื้นที่ของสถานีตำรวจที่เกี่ยวข้อง แต่ผู้รับมอบอำนาจผู้เสียหายได้แจ้งด้วยวาจาเพิ่มเติมทางโทรศัพท์ถึงสถานที่ที่ความผิดเกิด และเมื่อจับกุมผู้กระทำผิดได้แล้ว ผู้รับมอบอำนาจผู้เสียหายได้ให้การเพิ่มเติมเกี่ยวกับพฤติการณ์เกี่ยวกับการกระทำความผิด ความเสียหายที่ได้รับ และชื่อผู้กระทำผิด ถือได้ว่าเป็นคำร้องทุกข์ตามกฎหมายที่มีรายละเอียดครบถ้วนตาม ป.วิ.อ. มาตรา 2 (7) ประกอบด้วยมาตรา 123 แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4, 6, 8, 15, 27, 28, 29, 69, 75, 76 ริบของกลางทั้งหมด และสั่งจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้อง ของกลางคืนเจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์มีว่า บริษัท อาร์ เอส.โปรโมชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ไว้โดยชอบแล้วหรือไม่ คดีนี้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า คดีเป็นความผิดอันยอมความได้ เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้มีการร้องทุกข์ไว้ตามระเบียบแล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาอาญา มาตรา 120 เห็นว่า โจทก์มีพันตำรวจตรีสมควรพนักงานสอบสวนและนายชาญชัย ผู้รับมอบอำนาจช่วงจากผู้เสียหาย เบิกความสอดคล้องต้องกันว่า เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2546 นายชาญชัยมาแจ้งความร้องทุกข์ว่า มีการละเมิดลิขสิทธิ์ พันตำรวจตรีสมควรจึงลงบันทึกประจำวันไว้ตามบันทึกประจำวัน เมื่อพิเคราะห์ข้อความบันทึกประจำวันระบุว่า “นายชาญชัย อายุ 40 ปี ที่อยู่ 369 ซอยอ่อนนุช 49 แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร ได้รับมอบอำนาจจากบริษัท อาร์ เอส. โปรโมชั่น จำกัด (มหาชน) ให้มาแจ้งความร้องทุกข์เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำการละเมิดลิขสิทธิ์ในเขตพื้นที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองลำปางให้ถึงที่สุด” และลงชื่อนายชาญชัยผู้แจ้งพันตำรวจตรีสมควร พนักงานสอบสวนผู้บันทึกประจำวันดังกล่าวได้ระบุชื่อ ที่อยู่ของผู้ร้องทุกข์แล้ว ซึ่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง วินิจฉัยว่า ตามบันทึกประจำวันดังกล่าวพันตำรวจตรีสมควรได้รับคำร้องทุกข์ไว้แล้ว แต่ไม่ปรากฏว่าได้มีการทำบันทึกคำร้องทุกข์เกี่ยวกับลักษณะแห่งพฤติการณ์ต่างๆ ที่ความผิดนั้นได้กระทำลง ความเสียหายที่ได้รับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 123 และไม่ปรากฏว่าต่อมาพนักงานสอบสวนได้จัดให้มีคำร้องทุกข์ตามระเบียบตามมาตรา 125 จึงไม่พอฟังว่ามีการร้องทุกข์ไว้แล้วนั้น เห็นว่า นอกจากบันทึกประจำที่ระบุว่าผู้เสียหายมาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่ผู้กระทำละเมิดลิขสิทธิ์ในเขตพื้นที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองลำปางแล้ว นายชาญชัยยังได้แจ้งด้วยวาจาทางโทรศัพท์ให้พันตำรวจตรีสมควรทราบว่า เหตุละเมิดลิขสิทธิ์เกิดที่ร้านไม่มีชื่อ หมู่ที่ 4 ตำบลบ่อแฮ้ว อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง เมื่อจับกุมจำเลยพร้อมด้วยของกลาง พันตำรวจตรีสมควรได้สอบปากคำนายชาญชัยผู้ร้องทุกข์ไว้โดยละเอียดตามคำให้การนายชาญชัยที่บันทึกไว้ว่า “ผู้เสียหายสืบทราบว่า ร้านอาหารไม่มีชื่อ ตั้งอยู่ที่บ้านท่าล้อ ตำบลบ่อแฮ้ว อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ลักลอบนำแผ่นวีดีโอซีดีคาราโอเกะซึ่งผู้เสียหายเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2546 เวลาประมาณ 23 นาฬิกา นายชาญชัยได้ไปที่ร้านเกิดเหตุซึ่งมีนางกฤติกาเป็นเจ้าของร้านและทางร้านได้เปิดเพลง “ขอเลวแค่นี้” นายชาญชัยจึงแจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนางกฤติกา (จำเลย) พร้อมด้วยของกลางแผ่นวีดีโอซีดีที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายเป็นของกลาง” บันทึกคำให้การชั้นสอบสวนนายชาญชัยได้กล่าวถึงพฤติการณ์ในการกระทำความผิดตลอดจนชื่อผู้กระทำผิดแล้ว จึงถือได้ว่าเป็นคำร้องทุกข์ตามกฎหมายที่มีรายละเอียดครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (7) ประกอบด้วยมาตรา 123 แล้ว ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่า ผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ไว้ตามระเบียบนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
อนึ่ง เมื่อฟังว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ไว้โดยชอบและโจทก์มีอำนาจฟ้องแล้ว แต่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางยังมิได้พิจารณาว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ จึงเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาและพิพากษาใหม่เสียก่อน
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

Share