คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5494/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

อายุความฟ้องคดีอาญา ตาม ป.อ. มาตรา 95 ต้องถือตามอัตราโทษของความผิดที่ศาลพิจารณาได้ความ ไม่ใช่พิจารณาจากข้อหาหรือ ฐานความผิดที่โจทก์ฟ้อง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 390 ลงโทษจำคุก 1 เดือน ปรับ 1,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยรับโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปีไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 โจทก์ฟ้องเกิน 1 ปี นับแต่วันกระทำผิด คดีขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(5)สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(6) พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีข้อวินิจฉัยตามที่โจทก์ฎีกาว่า อายุความฟ้องจะต้องพิจารณาจากข้อหาหรือฐานความผิดที่โจทก์ฟ้อง หรือพิจารณาจากข้อหาหรือฐานความผิดที่ศาลฟังลงโทษ โดยโจทก์เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี อายุความคดีนี้มี 10 ปี แม้ศาลชั้นต้นจะฟังลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390ก็หาทำให้คดีของโจทก์ขาดอายุความไม่ เพราะโจทก์ฟ้องจำเลยภายในอายุความที่จำเลยถูกกล่าวหาแล้วนั้น พิเคราะห์แล้วหากจะถืออายุความจากข้อหาหรือฐานความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยอาจไม่ได้รับความเป็นธรรม และอาจทำให้มีการฟ้องในข้อหาที่มีอัตราโทษสูงกว่าที่ได้กระทำผิดจริง เหตุดังกล่าวอาจทำให้เป็นการขยายอายุความฟ้องคดีอาญา ซึ่งจะเป็นโทษต่อจำเลย ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า อายุความฟ้องคดีอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95 ต้องถือตามอัตราโทษของความผิดที่พิจารณาได้ความ คดีนี้ได้ความเป็นที่ยุติว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 ซึ่งมีอายุความฟ้องภายใน 1 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(5) เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้เกิน 1 ปี นับแต่วันกระทำความผิด ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share