คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5489/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

คดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษา แม้โจทก์ยื่นฟ้องวันที่ 28 พฤษภาคม 2551 เวลา 13.55 น. ซึ่งนับแต่เวลาจับกุมวันที่ 26 พฤษภาคม 2551 เวลา 13.10 น. โจทก์ยื่นฟ้องคดีต่อศาลเป็นระยะเวลา 48 ชั่วโมง 45 นาที ก็ตาม แต่ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงฯ มาตรา 7 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า เมื่อมีการจับตัวผู้ต้องหาแล้ว ให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ เพื่อให้พนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาลแขวงให้ทันภายในกำหนดเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาที่ผู้ต้องหาถูกจับ แต่มิให้นับเวลาเดินทางตามปกติที่นำตัวผู้ต้องหาจากที่จับมายังที่ทำการของพนักงานสอบสวน จากที่ทำการของพนักงานสอบสวนและหรือจากที่ทำการของพนักงานอัยการมาศาลเข้าในกำหนดเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงนั้นด้วย เมื่อข้อเท็จจริงตามบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาปรากฏว่า หลังจากจำเลยถูกจับกุมเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2551 เวลา 13.30 นาฬิกา แล้ว ในวันเดียวกันเวลา 15.40 นาฬิกา จำเลยจึงถูกควบคุมตัว แสดงว่าเจ้าพนักงานตำรวจใช้เวลาในการนำตัวผู้ต้องหาเดินทางมายังที่ทำการของพนักงานสอบสวนเป็นเวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที ประกอบกับยังมีระยะเวลาที่ต้องใช้ในการนำตัวจำเลยพร้อมด้วยสำนวนการสอบสวนจากที่ทำการของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลคลองสานมายังที่ทำการของพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ และจากที่ทำการของพนักงานอัยการมาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอีกด้วย เมื่อรวมระยะเวลาที่ใช้ไปในการนำตัวผู้ต้องหาเดินทางไปยังสถานที่ดังกล่าวทั้งหมดแล้วเชื่อว่าต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง เมื่อกฎหมายมิให้นับเวลาเดินทางตามปกติดังกล่าวเข้าในกำหนดเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาที่ผู้ต้องหาถูกจับ เห็นได้ว่าโจทก์ยื่นฟ้องคดีภายในกำหนดเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงตามกฎหมาย การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่ประทับฟ้องด้วยเหตุดังกล่าวจึงไม่ชอบ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272, 274, 275, 32, 33 และริบของกลาง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งว่าโจทก์ยื่นฟ้องวันที่ 28 พฤษภาคม 2551 เวลา 13.55 นาฬิกา ซึ่งนับแต่เวลาจับกุมในวันที่ 26 พฤษภาคม 2551 เวลา 13.10 นาฬิกา โจทก์ยื่นฟ้องเกิน 48 ชั่วโมง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากอัยการสูงสุด จึงไม่ประทับฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2551 เวลา 13.10 นาฬิกา จำเลยถูกจับกุมข้อหาจำหน่าย เสนอจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าเลียนเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วนอกราชอาณาจักร และจำหน่าย เสนอจำหน่ายสินค้าที่มีชื่อ รูป รอยประดิษฐ์ หรือข้อความใดๆ ในการประกอบการค้าของผู้อื่น ซึ่งมีผู้นำมาใช้บนสินค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุเกิดที่แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ต่อมาโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2551 เวลา 13.55 นาฬิกา นับตั้งแต่จำเลยถูกจับจนถึงเมื่อโจทก์ยื่นฟ้องคดีต่อศาลเป็นระยะเวลา 48 ชั่วโมง 45 นาที มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่าโจทก์ยื่นฟ้องคดีต่อศาลภายในกำหนดเวลาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 45, 26 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 7 หรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 7 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ในการสอบสวนคดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาได้เมื่อมีการจับตัวผู้ต้องหาแล้ว ให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ เพื่อให้พนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาลแขวงให้ทันภายในกำหนดเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาที่ผู้ต้องหาถูกจับ แต่มิให้นับเวลาเดินทางตามปกติที่นำตัวผู้ต้องหาจากที่จับมายังที่ทำการของพนักงานสอบสวนจากที่ทำการของพนักงานสอบสวนและหรือจากที่ทำการของพนักงานอัยการมาศาลเข้าในกำหนดเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงนั้นด้วย เมื่อข้อเท็จจริงตามบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาปรากฏว่าหลังจากจำเลยถูกจับกุมเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2551 เวลา 13.10 นาฬิกา แล้วในวันเดียวกันเวลา 15.40 นาฬิกา จำเลยจึงถูกควบคุมตัว แสดงว่าเจ้าพนักงานตำรวจใช้เวลาในการนำตัวผู้ต้องหาเดินทางมายังที่ทำการของพนักงานสอบสวนเป็นเวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที ประกอบกับยังมีระยะเวลาที่ต้องใช้ในการนำตัวจำเลยพร้อมด้วยสำนวนการสอบสวนจากที่ทำการของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลครองสานมายังที่ทำการของพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ และจากที่ทำการของพนักงานอัยการมาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอีกด้วย เมื่อรวมระยะเวลาที่ใช้ไปในการนำตัวผู้ต้องหาเดินทางไปยังสถานที่ดังกล่าวทั้งหมดแล้วเชื่อว่าต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งพนักงานสอบสวนไม่ได้ใช้ประโยชน์จากระยะเวลานั้นสำหรับการสอบสวน เมื่อกฎหมายมิให้นับเวลาเดินทางตามปกติดังกล่าวเข้าในกำหนดเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาที่ผู้ต้องหาถูกจับ เห็นได้ว่าโจทก์ยื่นฟ้องคดีภายในกำหนดเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงตามกฎหมาย ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่ประทับฟ้องด้วยเหตุดังกล่าวจึงไม่ชอบ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษายกคำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาสั่งคำฟ้องใหม่แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป

Share