คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5480/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องกรมสรรพากรเป็นจำเลย เนื่องจากจำเลยนำยึดที่ดินออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินไปชำระค่าภาษีอากรที่ ช.ซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของรวมในที่ดินค้างชำระแก่จำเลย แต่ที่ดินเป็นถนนที่โจทก์และประชาชนทั่วไปใช้ประโยชน์ผ่านเข้าออกสู่ถนนสาธารณะมาแต่เดิม ดังนั้น ตราบใดที่จำเลยยังไม่ได้ปิดกั้นถนน โจทก์และประชาชนทั่วไปก็คงใช้ถนนได้ตามปกติ ยังไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ 14977 ซึ่งแบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดที่ 935 และประชาชนทั่วไปได้ใช้ที่ดินโฉนดที่ 935 ส่วนที่เป็นถนนสาธารณประโยชน์ผ่านเข้าออกสู่ถนนติวานนท์ จำเลยได้ทำการยึดทรัพย์ที่ดินโฉนดที่ 935ส่วนที่เป็นถนนสาธารณประโยชน์และประกาศขายทอดตลาด โจทก์กับพวกได้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อจำเลยแล้ว แต่จำเลยก็ยังดำเนินการประกาศขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวต่อไป ขอให้เพิกถอนการยึดทรัพย์และการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าว
จำเลยให้การว่า ที่ดินที่จำเลยยึดไว้เป็นกรรมสิทธิ์ของนายชื่น เสื่อมอุไทย กับพวก ไม่ใช่ถนนสาธารณประโยชน์ และนายชื่นยังค้างชำระภาษีอากรจำเลยจึงได้ทำการยึดที่ดินดังกล่าวโดยอาศัยอำนาจตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ถูกยึด จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนการยึดที่ดินโฉนดที่ 935ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี เนื้อที่3 ไร่ 1 งาน 4 ตารางวา
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้เพราะจำเลยนำยึดที่ดินโฉนดที่ 935 ประกาศขายทอดตลาดเพื่อนำเงินไปชำระค่าภาษีอากรที่นายชื่น เลื่อมอุไทย ซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของรวมในที่ดินแปลงดังกล่าวค้างชำระแก่จำเลย แต่ที่ดินตามโฉนดดังกล่าวเป็นถนนที่โจทก์และประชาชนทั่วไปใช้ประโยชน์ผ่านเข้าออกสู่ถนนติวานนท์มาตั้งแต่ พ.ศ. 2497 ศาลฎีกาเห็นว่าตราบใดที่จำเลยยังไม่ได้ปิดกั้นถนน โจทก์และประชาชนทั่วไปก็คงใช้ถนนได้ตามปกติหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งยังไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น อีกทั้งโจทก์ก็ไม่ใช่เจ้าของรวมในที่ดินที่จำเลยยึดที่จะขอให้ศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนการยึดและการขายทอดตลาด เมื่อข้อเท็จจริงตามคำฟ้องได้ความว่าโจทก์ยังไม่ได้ถูกจำเลยโต้แย้งสิทธิ โจทก์ก็ฟ้องจำเลยไม่ได้
พิพากษายืน

Share