แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การแจ้งข้อหาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134นั้น แม้พนักงานสอบสวนจะมิได้แจ้งข้อหาจำเลยทุกข้อหาทุกกระทงความผิดก็ตามแต่เมื่อภายหลังได้ดำเนินการสอบสวนแล้วปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานอื่นด้วย จึงถือได้ว่าได้มีการสอบสวนในข้อหาฐานอื่นที่มิได้แจ้งข้อหาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120 แล้ว ดังนั้นการเติมคำว่า “จำหน่าย” ในบัญชีของกลางในคดีอาญา คำให้การในชั้นสอบสวนและบันทึกการนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ จึงหาทำให้การสอบสวนเป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91ให้คืนเงิน 100 บาท ที่ใช้ในการล่อซื้อแก่เจ้าของ และริบเงิน 300 บาท ของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำคุก 6 ปี รวมจำคุก 12 ปีจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษเห็นสมควรลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 8 ปี ให้คืนธนบัตรที่ใช้ในการล่อซื้อ 100 บาท และธนบัตรของกลางอีก 300 บาท แก่เจ้าของ ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ และให้คืนเงินของกลางที่ใช้ล่อซื้อจำนวน 100 บาท กับเงินของกลางจำนวน 300 บาทแก่เจ้าของ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์2540 เจ้าพนักงานตำรวจได้จับกุมจำเลย และแจ้งข้อหาแก่จำเลยว่ามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีนายดาบตำรวจสมคิด สมจิต และสิบตำรวจโทสุทัศน์ กลีบทอง ผู้ร่วมจับกุมจำเลยเบิกความว่า ขณะที่สายลับเข้าไปล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยนั้น พยานทั้งสองซุ่มอยู่ในดงอ้อยห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 20 เมตร เห็นสายลับเข้าไปคุยกับจำเลย และสายลับส่งธนบัตรให้แก่จำเลย จำเลยส่งมอบสิ่งของให้สายลับ หลังจากสายลับล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนได้แล้ว เจ้าพนักงานตำรวจได้เข้าจับกุมจำเลยจากการตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนจำนวน 14 เม็ด อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านขวาเมทแอมเฟตามีนแต่ละเม็ดอยู่ในหลอดกาแฟปิดหัวท้ายหลอดละ 1 เม็ด รวมกันอยู่ในถุงพลาสติกใส กับพบธนบัตรฉบับละ 100 บาท จำนวน 4 ฉบับ ตรวจสอบแล้วธนบัตรฉบับหนึ่งมีเลขหมายตรงกับธนบัตรที่ถ่ายเอกสารและลงประจำวันไว้ตามภาพถ่ายธนบัตรและรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี ตามลำดับ เห็นว่าพยานโจทก์ได้ซุ่มอยู่ห่างประมาณ 20 เมตรขณะที่มีการล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนย่อมจะเห็นว่าสายลับเข้าไปล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยและพยานโจทก์ได้เข้าจับกุมจำเลยในทันทีทันใด หลังจากได้รับแจ้งว่าสายลับนำเมทแอมเฟตามีนที่ล่อซื้อมาจำนวน 1 เม็ดมอบให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจ และเจ้าพนักงานตำรวจได้ค้นตัวจำเลยพบเมทแอมเฟตามีนจำนวน 14 เม็ด อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านขวาและในชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ และได้นำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพและถ่ายรูปแสดงการนำชี้ประกอบคำรับสารภาพ เมื่อโจทก์มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 1 เม็ดให้แก่สายลับ กับค้นพบเมทแอมเฟตามีนอีก 14 เม็ดที่ตัวจำเลย ซึ่งเป็นเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามฟ้อง ที่จำเลยต่อสู้ว่าเจ้าพนักงานตำรวจไม่ได้ค้นพบเมทแอมเฟตามีนที่ตัวจำเลยนั้น เป็นการกล่าวอ้างขึ้นมาลอย ๆ ไม่มีพยานอื่นมาเบิกความสนับสนุนข้ออ้างของจำเลย ไม่อาจรับฟังมาหักล้างพยานโจทก์ได้ และในปัญหาที่มีการตกเติมคำว่า “จำหน่าย” ในบัญชีของกลางในคดีอาญา คำให้การในชั้นสอบสวนและบันทึกการนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ โดยไม่มีการลงลายมือชื่อผู้ตกเติมข้อความนั้น และศาลอุทธรณ์ภาค 7 ตำหนิว่าเป็นเอกสารที่มีพิรุธ ไม่สมเหตุผลและมีน้ำหนักน้อยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การแจ้งข้อหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 นั้น แม้พนักงานสอบสวนจะมิได้แจ้งข้อหาจำเลยทุกข้อหาทุกกระทงความผิดก็ตาม แต่เมื่อภายหลังได้ดำเนินการสอบสวนแล้วปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานอื่นด้วย จึงถือได้ว่าได้มีการสอบสวนในข้อหาฐานอื่นที่มิได้แจ้งข้อหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120 แล้ว ดังนั้น การเติมคำว่า “จำหน่าย” ในเอกสารดังกล่าวข้างต้นจึงหาทำให้การสอบสวนเป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7พิพากษายกฟ้องนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 5 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 5 ปี เรียงกระทงลงโทษรวมจำคุก10 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน ให้คืนเงินของกลางที่ใช้ล่อซื้อจำนวน 100 บาท และเงินของกลางจำนวน 300 บาทแก่เจ้าของ