คำสั่งคำร้องที่ 202/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่าอุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54 ไม่รับอุทธรณ์
จำเลยเห็นว่า อุทธรณ์ที่ว่า พฤติการณ์ของโจทก์ทั้งสองเป็นความผิดชัดแจ้ง จำเลยไม่ต้องจ่ายสินจ้างและค่าชดเชยให้แก่โจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยด้วย
หมายเหตุ โจทก์ทั้งสองแถลงคัดค้าน (อันดับ 62)
คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลมีคำสั่งให้รวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันโดยให้เรียกโจทก์ตามลำดับสำนวนว่า โจทก์ที่ 1และที่ 2
โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้จำเลยจ่ายสินจ้าง แทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าชดเชยแก่โจทก์ทั้งสอง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์ทั้งสองคนละ 11,120 บาท และจ่าย ค่าชดเชยแก่โจทก์ทั้งสองคนละ 16,680 บาท
จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 53)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 55)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลแรงงานกลางพิพากษาโดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองโดยมิได้บอกกล่าวล่วงหน้าข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ทั้งสองละทิ้งหน้าที่ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 3 วันทำงานโดยไม่มีเหตุอันสมควร และรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ทั้งสองจงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหายจำเลยจึงต้องจ่ายค่าสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยแก่โจทก์ตามกฎหมาย จำเลยอุทธรณ์ว่าการบอกเลิกสัญญาจ้างของจำเลยยังไม่มีผล โจทก์ทั้งสองกระทำการบกพร่องต่อหน้าที่ครูขาดงานนานถึง 29 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควรจึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54 ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share