แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้ร่วมกับพวกมาหาเรื่องกับกลุ่มผู้ตาย โดยจำเลย มีอาวุธปืนติดตัวมาด้วย ตามพฤติการณ์ย่อมเล็งเห็นได้ว่าอาจจะ มีการใช้อาวุธปืนยิงคนในกลุ่มผู้ตายถึงแก่ความตายได้ ดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้แน่ชัดเพียงว่ามีคนในกลุ่มจำเลยซึ่งไม่แน่ว่า จะเป็นจำเลยหรือไม่ ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายและ ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส จำเลยก็ต้องรับผิดฐานเป็น ตัวการด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิง นายภักดี บุญบำรุงและนายพี่รักษ์หรือภิรักษ์หรือเด่น บุญบำรุง จำนวน ๑ นัด โดยเจตนาฆ่า เป็นเหตุให้นายภักดี บุญบำรุง ถึงแก่ความตาย และนายพี่รักษ์หรือภิรักษ์หรือเด่น บุญบำรุง ได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๙๗, ๘๓, ๘๐, ๙๐, ๕๙ และริบเม็ดกระสุนปืนของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ (ที่ถูก ๒๘๘ และ ๒๘๘ ประกอบ ด้วยมาตรา ๘๐) ๘๓ เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษ ฐานฆ่าผู้อื่นซึ่งเป็นบทหนัก วางโทษจำคุก ๑๕ ปี และริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ร่วมกับพวก มาหาเรื่องกับกลุ่มผู้ตาย โดยจำเลยมีอาวุธปืนติดมาด้วย ตามพฤติการณ์ ย่อมเล็งเห็นได้ว่าอาจจะมีการใช้อาวุธปืนยิงคนในกลุ่มผู้ตายถึงแก่ ความตายได้ ดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้แน่ชัดเพียงว่ามีคน ในกลุ่มจำเลยซึ่งไม่แน่ว่าจะเป็นจำเลยหรือไม่ ใช้อาวุธปืน ยิงผู้ตายถึงแก่ความตายและผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส จำเลยก็ต้องรับผิดฐานเป็นตัวการด้วย
พิพากษายืน