คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3749/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2529 โจทก์ได้เช่าที่ดินราชพัสดุ บริเวณพื้นที่โดยรอบตลาดสดเทศบาล 3 จากเทศบาลเมืองขอนแก่นเพื่อเข้าดำเนินการจัดหาประโยชน์ด้วยตนเองหรือจัดแบ่งให้บุคคลอื่นเช่าช่วงเพื่อประกอบการค้ามีกำหนด 20 ปี ก่อนที่โจทก์จะได้รับสิทธิการเช่าพื้นที่ดังกล่าวนั้น เมื่อประมาณปี 2524ช. ซึ่งเป็นผู้เช่าคนเดิมได้อนุญาตให้จำเลยทั้งหมดซึ่งเป็นพ่อค้าและแม่ค้าเข้ามาวางขายสินค้าชั่วคราวที่ถนนบริเวณรอบนอกอาคารตลาดสดเทศบาล 3 โดยจำเลยทั้งหมดมิได้เสียค่าเช่าหรือผลประโยชน์ให้แก่บุคคลใด เมื่อโจทก์ได้รับโอนสิทธิการเช่าในพื้นที่ทั้งหมดจาก ช. นับแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2529 จำเลยทั้งหมดคงอยู่และตั้งแผงขายสินค้าในที่ดินดังกล่าวจนบัดนี้ โจทก์ได้มีหนังสือให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันขนย้ายสัมภาระและสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ที่ได้ปลูกสร้างลงในพื้นที่พิพาทและห้ามเข้าไปเกี่ยวข้องแต่อย่างใดทั้งสิ้นแล้ว แต่จำเลยทั้งหมดเพิกเฉย ทำให้โจทก์เสียหาย จึงขอให้บังคับจำเลยทั้งหมดพร้อมบริวารขนย้ายสิ่งปลูกสร้างและสัมภาระออกไปจากพื้นที่พิพาท ดังนี้ เห็นว่า ข้อเท็จจริงตามฟ้องได้ความว่าจำเลยทั้งหมดได้เข้าไปครอบครองใช้ประโยชน์ที่ดินพิพาททำการค้าตลอดมาก่อนที่โจทก์จะทำสัญญาเช่ากับเทศบาลเมืองขอนแก่น ซึ่งโจทก์ยังไม่ได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทตามสัญญาเช่า จำเลยทั้งหมดไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ รูปคดีเป็นความรับผิดของผู้ให้เช่าในการรอนสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 549ประกอบด้วยมาตรา 477 โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยเองโดยลำพังไม่ได้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้เช่าที่ดินราชพัสดุบริเวณพื้นที่โดยรอบตลาดสดเทศบาล 3 เนื้อที่ 1,243 ตารางเมตร มีกำหนด 20 ปี จากเทศบาลเมืองขอนแก่น ก่อนที่โจทก์จะได้รับสิทธิการเช่าพื้นที่ดังกล่าว นายชาญได้อนุญาตให้จำเลยทั้งหมดซึ่งเป็นพ่อค้าและแม่ค้าเข้ามาวางขายสินค้าชั่วคราวที่ถนนบริเวณรอบนอกอาคารตลาดสดเทศบาล 3เพื่อแก้ไขปัญหาจราจร โดยจำเลยทั้งหมดมิได้เสียค่าเช่าหรือผลประโยชน์ให้แก่บุคคลใด เมื่อโจทก์ได้รับโอนสิทธิการเช่าในพื้นที่ทั้งหมดจากนายชาญ โจทก์ได้มีหนังสือโดยปิดประกาศในบริเวณรอบตลาดสดเทศบาล 3 และลงประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์ส่วนกลางและส่วนภูมิภาคให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันขนย้ายสัมภาระและสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ห้ามเข้าไปเกี่ยวข้องให้เป็นที่เรียบร้อยก่อนสิ้นปี 2532แต่จำเลยทั้งหมดเพิกเฉย ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยที่ 1ถึงที่ 146 พร้อมบริวารขนย้ายสิ่งปลูกสร้างและสัมภาระออกไปจากพื้นที่บริเวณรอบนอก อาคารตลาดสดเทศบาล 3 (ตลาดโบ๊เบ๊)ด้านทิศตะวันตกตลอดแนวพื้นที่ทั้งหมดตามแนวเส้นสีแดงในแผนผังเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 และห้ามเข้าเกี่ยวข้องในพื้นที่พิพาทอีกต่อไป และให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 219,000 บาทจนกว่าจำเลยทั้งหมดจะออกไปจากพื้นที่พิพาท
จำเลยที่ 77 ที่ 107 และที่ 139 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 30 ที่ 32 ถึงที่ 37 ถึงที่ 76 ที่ 78ถึงที่ 106 ที่ 108 ถึงที่ 138 และที่ 140 ถึงที่ 146 ให้การว่าพื้นที่รอบอาคารตลาดสดทางเทศบาลเมืองขอนแก่นมิได้รับสิทธิการเช่าจากกระทรวงการคลังจึงไม่มีสิทธินำพื้นที่ดังกล่าวมาให้โจทก์เช่าโจทก์รับโอนสิทธิการเช่ามาจากนายชาญ โดยที่นายชาญไม่ได้มีสิทธิการเช่าพื้นที่บริเวณรอบอาคารตลาดสด นายชาญเป็นเพียงผู้ก่อสร้างอาคารตลาดสดซึ่งได้ทำสัญญาไว้กับเทศบาลเมืองขอนแก่นจึงไม่มีสิทธิโอนสิทธิการเช่าให้แก่โจทก์ ประกอบกับพื้นที่พิพาทเป็นลานจอดรถเป็นที่สาธารณประโยชน์ สัญญาตามฟ้องจึงขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนตกเป็นโมฆะ ค่าเสียหายไม่เกินเดือนละ 4,176 บาท ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น นายไพจิตร หอไชย บุตรของจำเลยที่ 31 และนางมุกดา มานะพันธุ์ ผู้ครอบครองที่ดินแทนจำเลยที่ 38 ร้องสอดขอเข้าเป็นคู่ความร่วมกับจำเลยที่ 31 และที่ 38ต่อมาโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 31 และที่ 38 ศาลชั้นต้นอนุญาต
วันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้จึงให้งดสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยทั้งหมดเข้าอยู่ในที่พิพาทก่อนโจทก์ทำสัญญาเช่า จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์แต่เป็นกรณีการรอนสิทธิ โจทก์จะฟ้องจำเลยเองโดยลำพังไม่ได้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คงมีปัญหาวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยเองโดยลำพังได้หรือไม่ โจทก์บรรยายฟ้องสรุปความว่า เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2529 โจทก์ได้เช่าที่ดินราชพัสดุบริเวณพื้นที่โดยรอบตลาดสดเทศบาล 3 กับอาคารตลาดสดราชพัสดุจากเทศบาลเมืองขอนแก่น ปรากฏตามสัญญาเช่าอาคารตลาดสดและแผนผังท้ายฟ้องหมายเลข 1 และ 2 เพื่อจัดให้บุคคลอื่นเช่าเพื่อประกอบการค้ามีกำหนด 20 ปี เมื่อประมาณปี 2524 นายชาญ เนียมประดิษฐ์ผู้เช่าเดิม ได้อนุญาตให้จำเลยทั้งหมดซึ่งเป็นพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาวางขายสินค้าที่ถนนบริเวณรอบนอกอาคารตลาดสดเทศบาล 3 ด้านทิศตะวันตกตามเส้นสีแดงแผนผังหมายเลข 2 ท้ายฟ้องและอยู่ขายสินค้า เมื่อวันที่24 ธันวาคม 2529 โจทก์ได้รับโอนสิทธิการเช่าในพื้นที่ทั้งหมดจากนายชาญ จำเลยทั้งหมดก็ยังคงอยู่ตั้งแผงขายสินค้าในที่ดินดังกล่าวจนบัดนี้ เห็นว่า ข้อเท็จจริงตามฟ้องได้ความว่า จำเลยทั้งหมดได้เข้าไปครอบครองใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณรอบตลาดสดเทศบาล 3ทำการค้าตลอดมาก่อนที่โจทก์จะทำสัญญาเช่ากับเทศบาลเมืองขอนแก่นซึ่งโจทก์ยังไม่ได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทตามสัญญาเช่า และโจทก์ได้ประกาศแจ้งให้จำเลยทั้งหมดออกไป จำเลยทั้งหมดเพิกเฉย ดังนี้จำเลยทั้งหมดไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ รูปคดีเป็นความรับผิดของผู้ให้เช่าในการรอนสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 549 ประกอบด้วยมาตรา 477 โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยเองโดยลำพังไม่ได้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องที่ศาลล่างทั้งสองศาลพิพากษายกฟ้องยืนตามกันมานั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share