คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2533

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เมื่อทนายจำเลยดำเนินคดีผิดพลาด ย่อมต้องถือว่าเป็นความผิดพลาดของจำเลยด้วย จำเลยจะอ้างว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อเป็นเหตุปัดความรับผิดหาได้ไม่ จำเลยอ้างในคำขอให้พิจารณาใหม่แต่เพียงว่าคดีจำเลยมีทางชนะคดีโจทก์ได้เท่านั้น ข้ออ้างเช่นนี้หาเป็นข้อความที่คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดและชัดแจ้งไม่ คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยจึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคท้าย ศาลชอบที่จะยกคำร้องของจำเลยได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายจำเลยยื่นคำให้การเกินกำหนดและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวและพิพากษาให้จำเลยออกไปจากที่ดินโจทก์พร้อมทั้งชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย ต่อมาจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ อ้างว่ามิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ที่ไม่ได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด และไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์เกิดจากความผิดพลาดของทนายจำเลย ไม่ได้เกิดจากจำเลย คดีของจำเลยมีทางชนะคดีโจทก์ได้ ศาลชั้นต้นยกคำร้องจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยอ้างในคำขอพิจารณาใหม่ว่าจำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา แต่ที่ต้องขาดนัดยื่นคำให้การก็ดี ไม่มาศาลในวันสืบพยานโจทก์ก็ดี เกิดจากความผิดพลาดของทนายจำเลยที่ยื่นคำให้การเกินกำหนดและไม่ไปศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ไม่เกี่ยวกับจำเลย จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจขาดนัดนั้น เห็นว่า เมื่อทนายความที่จำเลยแต่งตั้งดำเนินคดีผิดพลาด ย่อมต้องถือว่าเป็นความผิดพลาดของจำเลยเองด้วยจำเลยจะอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องมาเป็นเหตุปัดความรับผิดหาได้ไม่ อนึ่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคท้ายบัญญัติไว้ว่า คำขอให้พิจารณาใหม่ให้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล แต่จำเลยอ้างในคำขอแต่เพียงว่าคดีจำเลยมีทางชนะคดีโจทก์ได้เท่านั้น หาเป็นข้อความที่คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดและชัดแจ้งไม่ดังนี้คำขอพิจารณาใหม่ของจำเลย ซึ่งนอกจากจะไม่มีเหตุอันสมควรแล้วยังขัดต่อบทบัญญัติตามบทมาตราดังกล่าวอีกด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share