แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทนายความที่คู่ความแต่งตั้งมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนคู่ความตามที่เห็นสมควรเพื่อรักษาผลประโยชน์ของคู่ความ แต่ถ้าดำเนินกระบวนพิจารณาใดเป็นไปในทางจำหน่ายสิทธิของคู่ความ จะต้องได้ระบุไว้ชัดเจนในใบแต่งทนายความของคู่ความนั้น เมื่อปรากฏว่าทนายโจทก์อนุญาตให้จำเลยออกจากห้องพิพาทหลังจากล่วงพ้นกำหนดตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความก็เป็นการกระทำกันนอกศาล มิใช่การดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลทั้งโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมด้วย จึงนอกเหนืออำนาจที่ทนายโจทก์จะกระทำได้และไม่มีผลผูกพันโจทก์ จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาทของโจทก์ แล้วตกลงประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาทภายในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๒๖ แล้วโจทก์จะให้ค่าขนย้ายแก่จำเลยเป็นเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท หากฝ่ายใดผิดนัดยอมให้บังคับคดีได้ทันทีและจำเลยหมดสิทธิที่จะได้รับค่าขนย้ายจากโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอม วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๒๖ โจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยและบริวารไม่ออกจากห้องพิพาท ขอให้จับจำเลยมากักขัง ศาลชั้นต้นนัดสอบถาม ทนายจำเลยแถลงว่า จำเลยได้ออกไปจากห้องพิพาทก่อนวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๒๖ แต่ขัดข้องเรื่องการย้ายโทรศัพท์ จำเลยได้ขอส่งพวงกุญแจห้องพิพาทให้โจทก์ในวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๒๖ ทนายโจทก์ก็ยินยอม และจำเลยได้นำพวงกุญแจไปมอบให้กับคนเฝ้าบ้านของโจทก์เรียบร้อยตามกำหนดเวลาศาลชั้นต้นสั่งว่าไม่จำเป็นต้องบังคับคดีจำเลยต่อไป ต่อมาวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๒๖ จำเลยยื่นคำร้องว่า โจทก์ไม่ชำระเงินค่าขนย้ายจำนวน ๔๐,๐๐๐ บาทให้จำเลยขอให้ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์โจทก์ ศาลชั้นต้นนัดสอบถามถึงวันนัดโจทก์แถลงว่า จำเลยออกจากห้องพิพาทเกินกำหนด ๑๓ วัน โจทก์จึงไม่ต้องชำระค่าขนย้ายแก่จำเลยศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ไต่สวนแล้ววินิจฉัยว่า ทนายโจทก์ทนายจำเลยตกลงยินยอมผ่อนผันให้เลื่อนการส่งมอบห้องพิพาทให้แก่กันออกไปได้ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา ให้โจทก์ชำระเงินจำนวน ๔๐,๐๐๐ บาทแก่จำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา พิพากษากลับให้ยกคำร้องของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ทนายความที่คู่ความแต่งตั้งมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนคู่ความตามที่เห็นสมควรเพื่อรักษาผลประโยชน์ของคู่ความ แต่ถ้าดำเนินกระบวนพิจารณาเป็นไปในทางจำหน่ายสิทธิของคู่ความจะต้องระบุไว้ชัดแจ้งในใบแต่งทนายของคู่ความนั้นแม้จะฟังได้ตามที่จำเลยนำสืบว่า ทนายจำเลยได้รับอนุญาตจากทนายโจทก์ให้เลื่อนการส่งมอบห้องพิพาทให้โจทก์ไปก็ตาม แต่เป็นการกระทำกันนอกศาลมิใช่ดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลทั้งโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมด้วย จึงเป็นเรื่องนอกเหนืออำนาจที่ทนายโจทก์จะกระทำได้ ย่อมไม่มีผลผูกพันโจทก์ เมื่อจำเลยมิได้ออกจากห้องพิพาทตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินค่าขนย้ายจำนวน ๔๐,๐๐๐ บาทจากโจทก์
พิพากษายืน.