คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4620-4621/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คดีสำนวนแรกและสำนวนหลังมิได้เกี่ยวพันกันไม่อาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันหรือรวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้ แม้ทั้งสองคดีศาลต่างลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ก็สามารถนับโทษต่อกันได้ ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3)
การนับโทษต่อหาจำต้องคำนึงถึงว่าจำเลยซึ่งต้องโทษจำคุกอยู่ในคดีสำนวนแรกจะถึงแก่ความตายในเวลาต่อไปอันเป็นเหตุให้โทษเป็นอันระงับไปหรือไม่ ศาลล่างนับโทษจำเลยที่ 1 สำนวนหลังต่อจากโทษจำเลยสำนวนแรกไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 38 และ 91(3)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาถึงที่สุดในสำนวนแรกว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง, 66 วรรคสอง เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายเฮโรอีนมีโทษเท่ากัน จึงลงโทษฐานจำหน่ายเฮโรอีน วางโทษประหารชีวิต คำให้การรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกตลอดชีวิต ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีหมายเลขดำที่ 5760/2536 ของศาลชั้นต้น เนื่องจากคดีดังกล่าวศาลยังไม่มีคำพิพากษา จึงไม่อาจนับโทษต่อได้ คำขอส่วนนี้จึงให้ยก และศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาถึงที่สุดในสำนวนหลังว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคสอง, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้ลงโทษประหารชีวิต จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(2) คงจำคุกตลอดชีวิต ริบเฮโรอีนและถุงปุ๋ยของกลาง นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีหมายเลขแดงที่ 8100/2536 ของศาลชั้นต้น

จำเลยสำนวนแรก และจำเลยที่ 1 สำนวนหลังยื่นคำร้องว่า การนับโทษจำคุกตลอดชีวิตในสำนวนหลังต่อจากโทษจำคุกตลอดชีวิตในสำนวนแรกขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 38 และมาตรา 91(3)

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีทั้งสองสำนวนถึงที่สุดแล้ว ตามคำร้องเป็นการแก้ไขคำพิพากษา ถ้าจำเลยเห็นว่าไม่ถูกต้องจะต้องโต้แย้งคำพิพากษาเป็นอุทธรณ์หรือฎีกาภายในระยะเวลาอุทธรณ์หรือฎีกา จึงให้ยกคำร้อง

จำเลยสำนวนแรก และจำเลยที่ 1 สำนวนหลังอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยสำนวนแรก และจำเลยที่ 1 สำนวนหลังฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า การที่ศาลให้นับโทษจำเลยที่ 1 สำนวนหลังต่อจากโทษจำเลยสำนวนแรกนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จำเลยสำนวนแรกและจำเลยที่ 1 สำนวนหลังฎีกาว่า คดีทั้งสองสำนวนศาลต่างวางโทษจำคุกตลอดชีวิตเช่นเดียวกัน การให้นับโทษต่อจึงขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 38 และมาตรา 91(3) นั้น เห็นว่า คดีทั้งสองสำนวนนี้มิได้เกี่ยวพันกันไม่อาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันหรือรวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้ การนับโทษจำคุกสำนวนหลังต่อจากโทษจำคุกสำนวนแรกจึงอยู่ในอำนาจที่ศาลจะมีคำสั่งได้ไม่ขัดต่อมาตรา 91(3) ดังที่จำเลยสำนวนแรก และจำเลยที่ 1 สำนวนหลังกล่าวอ้างแต่อย่างใด ส่วนข้ออ้างตามฎีกาอีกประการหนึ่งที่ว่า การนับโทษจำคุกยังขัดต่อมาตรา 38 ด้วยนั้น เห็นว่า การนับโทษต่อหาจำต้องคำนึงถึงว่าจำเลยซึ่งต้องโทษจำคุกอยู่ในคดีสำนวนแรกจะถึงแก่ความตายในเวลาต่อไปอันเป็นเหตุให้โทษเป็นอันระงับไปหรือไม่ ดังนั้น ที่ศาลล่างทั้งสองให้นับโทษจำเลยที่ 1 สำนวนหลังต่อจากโทษจำเลยสำนวนแรกจึงชอบแล้วไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 38 และมาตรา 91(3) ฎีกาของจำเลยสำนวนแรก และจำเลยที่ 1 สำนวนหลังฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share