คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3558/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การรวมโทษของจำเลยทุกคดีแล้วโทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกิน20 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) นั้น จะต้องปรากฏว่าการกระทำผิดของจำเลยทุกคดีมีลักษณะเกี่ยวพันกันจนอาจจะฟ้องเป็นคดีเดียวกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 160 วรรคหนึ่ง หรือรวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้ เมื่อปรากฏว่าคดีทั้งสามคดีที่จำเลยขอให้รวมโทษดังกล่าวเป็นคดีที่มีวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุต่างกันอยู่ในเขตอำนาจศาลต่างกัน และพยานหลักฐานก็เป็นคนละชุดกัน การกระทำผิดของจำเลยทั้งสามคดีจึงไม่ได้เกี่ยวพันกันจนอาจจะฟ้องเป็นคดีเดียวกันหรือรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้ แต่เป็นคดีที่มีคำฟ้องและคำพิพากษาต่างสำนวนต่างหากออกไป กรณีไม่ตกอยู่ในบังคับของมาตรา 91(2) แห่งประมวลกฎหมายอาญาจึงไม่อาจรวมโทษของจำเลยทั้งสามคดีดังกล่าวเข้าด้วยกันแล้วคงลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสิ้นไม่เกิน 20 ปี

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 รวม 10 กระทง มาตรา 265 รวม 5 กระทง เป็นจำคุกรวม 20 ปี และให้นับโทษต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6318/2538 ของศาลอาญา

จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นนับโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6318/2538 ของศาลอาญา และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4420/2541 ของศาลแขวงพระนครใต้ ซึ่งจำเลยถูกพิพากษาลงโทษจำคุกในคดีแรก 20 ปี คดีที่สองจำคุก 18 เดือนติดต่อกันกับคดีนี้ รวมลงโทษจำเลยแล้วไม่เกิน 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2)

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่า เป็นการนับโทษต่อจากคดีอื่นจึงไม่อาจรวมโทษเหมือนคดีเดียวกันได้ และศาลชั้นต้นจะสั่งสำนวนคดีของศาลอื่นไม่ได้ด้วย คำร้องของจำเลยจึงไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้ดำเนินการได้ ให้ยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 265 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป และลดโทษให้หนึ่งในห้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) และให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6318/2538 ของศาลอาญา จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาศาลฎีกาพิพากษายืน คดีถึงที่สุดแล้ว ศาลอาญาพิพากษาคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6318/2538 ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 251, 252, 264, 265, 268 เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมแล้ว คงจำคุก 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีถึงที่สุดแล้วและศาลแขวงพระนครใต้พิพากษาคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4420/2541 ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 268 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษ และลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 18 เดือนให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6318/2538 ของศาลอาญาและคดีนี้

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จะรวมโทษของจำเลยทั้งสามคดีดังกล่าวเข้าด้วยกัน แล้วคงลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสิ้นไม่เกิน 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) ได้หรือไม่ เห็นว่า การรวมโทษของจำเลยทุกคดีแล้วโทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกิน 20 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) นั้นจะต้องปรากฏว่าการกระทำผิดของจำเลยทุกคดีนั้นมีลักษณะที่เกี่ยวพันกันจนอาจจะฟ้องเป็นคดีเดียวกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 160 วรรคหนึ่ง หรือรวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้ เมื่อปรากฏว่าคดีทั้งสามคดีที่จำเลยขอให้รวมโทษดังกล่าวเป็นคดีที่มีวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุต่างกัน อยู่ในเขตอำนาจศาลต่างกัน และพยานหลักฐานก็เป็นคนละชุดกัน การกระทำผิดของจำเลยทั้งสามคดีจึงไม่เกี่ยวพันกันจนอาจจะฟ้องเป็นคดีเดียวกันหรือรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้ แต่เป็นคดีที่มีคำฟ้องและคำพิพากษาต่างสำนวนต่างหากออกไป กรณีไม่ตกอยู่ในบังคับของมาตรา 91(2) แห่งประมวลกฎหมายอาญา จึงไม่อาจรวมโทษของจำเลยทั้งสามคดีดังกล่าวเข้าด้วยกัน แล้วคงลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสิ้นไม่เกิน 20 ปี ดังที่จำเลยฎีกาได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share