แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ผู้ร้องเป็นกรรมการผู้มีอำนาจดำเนินกิจการของลูกหนี้อยู่ในวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ ผู้ร้องจึงอยู่ในฐานะผู้บริหารของลูกหนี้ตามบทนิยามใน พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 90/1 เมื่อศาลมีคำสั่งฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้แล้วอำนาจหน้าที่ในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของผู้บริหารลูกหนี้ย่อมสิ้นสุดลง ครั้นเมื่อศาลตั้งผู้ทำแผนแล้วอำนาจดังกล่าวและบรรดาสิทธิตามกฎหมายของผู้ถือหุ้นของลูกหนี้ ยกเว้นสิทธิที่จะได้รับเงินปันผลตกแก่ผู้ทำแผน และเมื่อศาลเห็นชอบด้วยแผนแล้ว สิทธิและอำนาจของผู้ทำแผนตกเป็นของผู้บริหารแผนนับแต่ผู้บริหารแผนได้รับทราบคำสั่ง ทั้งนี้ ตามบทบัญญัติในมาตรา 90/20 วรรคหนึ่ง, มาตรา 90/25 และมาตรา 90/59 วรรคหนึ่ง ดังนี้ การที่ผู้บริหารแผนออกคำสั่งห้ามมิให้ผู้ร้องออกคำสั่งใด ๆ แก่พนักงานของลูกหนี้หรือติดต่อภายในพื้นที่ของลูกหนี้และห้ามผู้ร้องเข้าไปในสถานที่ทำงานหรือโรงงานของลูกหนี้เนื่องจากจะทำให้การบริหารงานมีเหตุขัดข้อง และก่อให้เกิดอุปสรรคในการทำงาน ผู้บริหารแผนย่อมมีอำนาจทำได้เช่นเดียวกับที่ผู้บริหารแผนไม่ให้ผู้ร้องใช้ทรัพย์สินต่าง ๆ ของลูกหนี้ก็เป็นอำนาจในการรวบรวมทรัพย์สินของผู้ทำแผนเพื่อนำทรัพย์สินของลูกหนี้มาไว้ในความอารักขาแห่งตนรวมทั้งเป็นการให้ผู้บริหารของลูกหนี้ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 90/21 วรรคสาม, มาตรา 90/24 วรรคสอง และ 90/59 วรรคสอง ส่วนที่ยังค้างอยู่
สำหรับเรื่องค่าตอบแทนของผู้ร้องนั้น ก่อนศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ การกำหนดค่าตอบแทนผู้บริหารของลูกหนี้ย่อมเป็นไปตามข้อบังคับของบริษัท หากข้อบังคับมิได้กำหนดไว้ การจ่ายค่าตอบแทนให้เป็นไปตามมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นตามกฎหมายบริษัทมหาชนจำกัด เมื่อศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนและข้อบังคับของลูกหนี้มิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น อำนาจดังกล่าวย่อมตกแก่ผู้บริหารแผนตามมาตรา 90/25 ประกอบมาตรา 90/59 วรรคหนึ่ง การที่ผู้บริหารแผนออกคำสั่งให้งดจ่ายค่าตอบแทนแก่ผู้บริหารของลูกหนี้เนื่องจากหมดอำนาจในการจัดกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ในระหว่างเวลาดังกล่าวจึงอยู่ในกรอบอำนาจของผู้บริหารแผนที่จะกระทำได้
ส่วนสถานะของผู้ร้องที่เป็นผู้บริหารของลูกหนี้นั้น แม้ว่าในระหว่างการฟื้นฟูกิจการอำนาจของผู้บริหารลูกหนี้ในการบริหารจัดการกิจการของลูกหนี้จะสิ้นสุดลงตามบทบัญญัติข้างต้น โดยมีผู้ทำแผนหรือผู้บริหารแผนเป็นผู้ใช้อำนาจดังกล่าวแทน แล้วแต่กรณี แต่เมื่อคดีฟื้นฟูกิจการสิ้นสุดลงโดยการยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ หรือการยกเลิกการฟื้นฟูกิจการแล้ว อำนาจจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้กลับเป็นของผู้บริหารของลูกหนี้ตามบทบัญญัติมาตรา 90/74 หรือ 90/75 แล้วแต่กรณี และการที่ผู้ร้องเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลูกหนี้ ถือว่าผู้ร้องเป็นผู้บริหารสูงสุดในการดำเนินธุรกิจจัดการกิจการของลูกหนี้อยู่ในวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการซึ่งถือเป็นการกระทำในฐานะผู้บริหารของลูกหนี้สิ้นสุดไปแต่อย่างใด เป็นแต่เพียงให้มีการพักการใช้อำนาจในการบริหารจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ในระหว่างการฟื้นฟูกิจการเป็นการชั่วคราวเท่านั้น เช่นนี้ การที่ผู้บริหารมีหนังสือแจ้งข้อกำหนดต่าง ๆ ให้ผู้ร้องปฏิบัติ จึงมีผลบังคับได้เท่าที่ไม่กระทบถึงสถานะและสิทธิของผู้ร้องซึ่งยังดำรงสถานะเป็นผู้บริหารหรือประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลูกหนี้ในการที่จะดำเนินการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายล้มละลายได้ให้อำนาจและคุ้มครองไว้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2543 และตั้งบริษัทเอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส จำกัด เป็นผู้ทำแผนเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2543 ต่อมาศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนโดยมีบริษัทเอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส จำกัด เป็นผู้บริหารแผน
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นกรรมการและผู้มีอำนาจดำเนินกิจการของลูกหนี้ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลูกหนี้อยู่ในวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการจึงเป็นผู้บริหารของลูกหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/1 และเป็นบุคคลที่มีส่วนได้เสียในการฟื้นฟูกิจการ ผู้ร้องเป็นบุคคลที่กฎหมายล้มละลายกำหนดให้มีหน้าที่ในระหว่างการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ และให้สิทธิในการตรวจสอบการดำเนินการตามแผนของผู้บริหารแผน ในคดีนี้ปรากฏว่าผู้บริหารแผนไม่ดำเนินการตามแผน และปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ก่อให้เกิดความเสียหายต่อลูกหนี้หลายประการ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้บริหารแผนพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 90/67 ซึ่งอยู่ในระหว่างการไต่สวนคำร้องได้มีหนังสือฉบับลงวันที่ 11 ตุลาคม 2544 เลิกจ้างผู้ร้อง และปลดผู้ร้องออกจากตำแหน่งใด ๆ ทั้งหมดในฐานะผู้มีอำนาจจัดการกิจการของลูกหนี้ตลอดจนห้ามมิให้ผู้ร้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับลูกหนี้และห้ามมิให้ผู้ร้องออกคำสั่งใด ๆ แก่พนักงานของลูกหนี้หรือติดต่อภายในพื้นที่สำนักงานของลูกหนี้ และระงับการจ่ายค่าตอบแทนใด ๆ ทั้งหมดให้แก่ผู้ร้อง และข่มขู่ว่าจะฟ้องร้องเรียกค่าจ้างและเงินประเภทอื่น ๆ ที่ผู้ร้องได้รับเพื่อตอบแทนการทำงานให้แก่ลูกหนี้ตั้งแต่มีการฟื้นฟูกิจการคืน ผู้ร้องก็ไม่อาจทำหน้าที่และใช้สิทธิในฐานะผู้บริหารของลูกหนี้ได้ และไม่อาจตรวจสอบได้ว่าผู้บริหารแผนดำเนินการตามแผนหรือไม่ หรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่ลูกหนี้หรือเจ้าหนี้หรือไม่ และผู้ร้องไม่อาจใช้สิทธิในการยื่นคำร้องต่อศาล อีกทั้งผู้ร้องยังไม่อาจทำหน้าที่เป็นผู้เสียหายร้องทุกข์กล่าวโทษผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ ได้ นอกจากผู้บริหารแผนไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะเลิกจ้างและถอดถอนผู้ร้องออกจากตำแหน่งต่าง ๆ ในบริษัทลูกหนี้แล้ว ผู้บริหารแผนยังได้แต่งตั้งนายทองฉัตร หงศ์ลดารมภ์ เข้ามาเป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทลูกหนี้ โดยทำหน้าที่บริหารกิจการของลูกหนี้ เมื่อศาลมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการแล้ว อำนาจในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ก็จะตกแก่นายทองฉัตร ซึ่งเป็นบุคคลที่ผู้บริหารแผนเป็นผู้แต่งตั้งขึ้นก่อนยื่นคำร้องคดีนี้ ขอศาลมีคำสั่งให้ผู้บริหารแผนพ้นจากตำแหน่งตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/67 และมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของผู้บริหารแผนและให้ผู้ร้องมีตำแหน่งต่าง ๆ ในบริษัทของลูกหนี้รวมทั้งได้รับค่าตอบแทนเนื่องจากการทำงานจากลูกหนี้ตามเดิม
ผู้บริหารแผนยื่นคำคัดค้านว่า การกระทำต่าง ๆ ของผู้บริหารแผนเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมายและถูกต้องตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 แล้ว
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งว่า คำสั่งของผู้บริหารแผนเฉพาะที่ให้ความเกี่ยวข้องของผู้ร้องและตำแหน่งของผู้ร้องในฐานะผู้บริหารของลูกหนี้สิ้นสุดลงนั้นไม่มีผลผูกพันผู้ร้อง คำขออื่นให้ยก
ผู้ร้องและผู้บริหารแผนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์เป็นหนังสือจากอธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลายกลาง
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ปรากฏว่าศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2546 ให้บริษัทเอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส จำกัด พ้นจากตำแหน่งผู้บริหารแผนตามคำร้องของผู้บริหารของลูกหนี้ ฉบับลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2544 และตามคำร้องของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ลงวันที่ 23 สิงหาคม 2545 คดีถึงที่สุด
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติว่า ผู้ร้องเป็นกรรมการผู้มีอำนาจดำเนินกิจการของลูกหนี้อยู่ในวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ และยังมีตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลูกหนี้ (Chief Executive Officer) หลังจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนแล้ว ผู้บริหารแผนมีหนังสือลงวันที่ 11 ตุลาคม 2544 แจ้งต่อผู้ร้องใจความว่า ความเกี่ยวข้องของผู้ร้องและตำแหน่งของผู้ร้องในบริษัทลูกหนี้ไม่ว่าในฐานะผู้มีอำนาจดำเนินกิจการของลูกหนี้หรือฐานะลูกจ้างให้สิ้นสุดลงโดยมีผลทันที ผู้ร้องไม่มีอำนาจออกคำสั่งใด ๆ แก่พนักงานของลูกหนี้ ห้ามมิให้ผู้ร้องเข้าไปในสถานที่ทำงานของลูกหนี้หรือติดต่อภายในพื้นที่สำนักงานของลูกหนี้ โดยเฉพาะบริเวณโรงงานของลูกหนี้ที่จังหวัดระยอง สำนักงานของลูกหนี้ที่ทีพีไอทาวเวอร์ และสำนักงานชั่วคราวที่อาคารหรินธร ถนนสาทรเหนือ กรุงเทพมหานคร ไม่อนุญาตให้ผู้ร้องใช้ทรัพย์สินของลูกหนี้ และจะต้องคืนทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งอยู่ในความครอบครองของผู้ร้องหรืออยู่ในอำนาจสั่งการของผู้ร้อง รวมทั้งกุญแจของสำนักงานและกุญแจอื่นใด บัตรผ่านเข้าออก อุปกรณ์สำนักงาน หัวจดหมายและตราประทับของลูกหนี้ สมุดบันทึกรายงานการประชุมของลูกหนี้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิใช้พาหนะของลูกหนี้ และไม่มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนใด ๆ อันเป็นผลมาจากการยุติความเกี่ยวข้องกับลูกหนี้ในทุกตำแหน่งตามสำเนาหนังสือของผู้บริหารพร้อมคำแปลเอกสารท้ายคำร้องหมายเลข 1 คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่า ผู้ร้องจะขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของผู้บริหารแผนตามหนังสือของผู้บริหารแผนฉบับลงวันที่ 11 ตุลาคม 2544 ทั้งหมด และให้ผู้ร้องกลับมีสภาพเดิมโดยมีตำแหน่งต่าง ๆ ในบริษัทลูกหนี้และได้รับค่าตอบแทนเนื่องจากการทำงานของลูกหนี้ได้หรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องเป็นกรรมการผู้มีอำนาจดำเนินกิจการของลูกหนี้อยู่ในวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ ผู้ร้องจึงอยู่ในฐานะผู้บริหารของลูกหนี้ตามบทนิยามในมาตรา 90/1 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้อยู่ก่อนศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ เมื่อศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้แล้วอำนาจหน้าที่ในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของผู้บริหารของลูกหนี้ย่อมสิ้นสุดลง ครั้นเมื่อศาลมีคำสั่งตั้งผู้ทำแผนแล้ว ให้อำนาจหน้าที่ในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ และบรรดาสิทธิตามกฎหมายของผู้ถือหุ้นของลูกหนี้ ยกเว้นสิ้นที่จะได้รับเงินปันผลตกแก่ผู้ทำแผน และเมื่อศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน ให้บรรดาสิทธิและอำนาจหน้าที่ของผู้ทำแผนตกเป็นของผู้บริหารแผนตั้งแต่ผู้บริหารแผนได้ทราบคำสั่งศาลการเปลี่ยนแปลงผู้มีอำนาจในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ตามขั้นตอนข้างต้น เป็นไปตามบทบัญญัติในมาตรา 90/20 วรรคหนึ่ง, มาตรา 90/25 และมาตรา 90/59 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ที่ผู้บริหารแผนมีข้อกำหนดไม่ให้ผู้ร้องออกคำสั่งใด ๆ แก่พนักงานของลูกหนี้ หรือติดต่อภายในพื้นที่ของลูกหนี้ ทั้งนี้ก็เนื่องจากผู้บริหารแผนเป็นผู้มีอำนาจบริหารจัดกิจการของลูกหนี้จึงเป็นผู้ที่มีอำนาจสั่งการ บังคับบัญชาพนักงานของลูกหนี้และที่ห้ามผู้ร้องเข้าไปในสถานที่ทำงานของลูกหนี้โดยเฉพาะบริเวณโรงงานของลูกหนี้ที่จังหวัดระยอง สำนักงานลูกหนี้ที่ทีพีไอทาวเวอร์ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งชั้นที่ 29) และสำนักงานชั่วคราวที่อาคารหรินธร ถนนสาทรเหนือ กรุงเทพมหานคร ได้ความจากผู้บริหารแผนว่า หากให้ผู้ร้องเข้าไปก็จะทำให้การดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการและการจัดการบริหารงานต่าง ๆ ของลูกหนี้ให้เป็นไปตามแผนต้องมีเหตุขัดข้องหรือเชื่องช้าออกไป การที่ผู้ร้องเข้าไปในที่ทำการดังกล่าวก่อให้เกิดอุปสรรคในการทำงานของผู้บริหารแผน ผู้บริหารแผนย่อมมีอำนาจในการที่จะออกคำสั่งดังกล่าวได้ ส่วนที่ผู้บริหารแผนไม่ให้ผู้ร้องใช้ทรัพย์สินของลูกหนี้ และผู้ร้องจะต้องดำเนินการคืนทรัพย์สินที่อยู่ในความครอบครอง หรืออยู่ในอำนาจสั่งการของผู้ร้องให้แก่ผู้บริหารแผนซึ่งทรัพย์สินเหล่านั้นรวมถึงกุญแจของสำนักงาน และกุญแจอื่นใด บัตรผ่านเข้าออก อุปกรณ์สำนักงาน ซึ่งรวมถึงกระดาษหัวจดหมายและตราประทับของบริษัท พาหนะของลูกหนี้และสมุดบันทึกรายงานการประชุมของลูกหนี้ กรณีเป็นการใช้อำนาจในการรวบรวมทรัพย์สินของผู้ทำแผนเพื่อนำทรัพย์สินของลูกหนี้มาไว้ในอารักขาแห่งตนกับทั้งเป็นการให้ผู้บริหารของลูกหนี้ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 90/21 วรรคสาม, มาตรา 90/24 วรรคสอง และมาตรา 90/59 วรรคสอง ส่วนที่ยังค้างอยู่ ที่ผู้บริหารแผนแจ้งข้อกำหนดไปว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนใด ๆ และจะไม่มีการจ่ายค่าตอบแทนใด ๆ ให้แก่ผู้ร้องอีกต่อไปนับแต่วันที่ลงในหนังสือบอกกล่าว เห็นว่า ก่อนศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ การกำหนดค่าตอบแทนให้แก่ผู้บริหารของลูกหนี้ย่อมเป็นไปตามข้อบังคับของบริษัท หากข้อบังคับของบริษัทมิได้กำหนดไว้ การจ่ายค่าตอบแทนให้เป็นไปตามมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชน จำกัด พ.ศ.2535 มาตรา 90 เมื่อศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนและข้อบังคับของลูกหนี้มิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น อำนาจดังกล่าวย่อมตกแก่ผู้บริหารแผนตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 90/25 ประกอบมาตรา 90/59 วรรคหนึ่ง การที่ผู้บริหารแผนออกคำสั่งให้งดจ่ายค่าตอบแทนแก่ผู้บริหารของลูกหนี้เนื่องจากผู้บริหารของลูกหนี้หมดอำนาจในการจัดกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ในระหว่างเวลาดังกล่าว จึงเป็นการกระทำที่อยู่ในกรอบอำนาจของผู้บริหารแผนที่จะกระทำได้ ดังนั้น การที่ผู้บริหารแผนมีหนังสือออกข้อกำหนดฉบับลงวันที่ 11 ตุลาคม 2544 ตามเอกสารหมายเลข 1 จึงอยู่ในอำนาจของผู้บริหารแผนซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการจัดกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการตามกฎหมายที่จะออกข้อกำหนดให้ผู้ร้องกระทำการหรืองดเว้นกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งที่เกี่ยวเนื่องในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ในส่วนที่เกี่ยวกับการที่ผู้ร้องเป็นผู้บริหารของลูกหนี้ในวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการนั้น มีปัญหาว่า ผู้บริหารแผนจะมีคำสั่งให้สถานะของผู้ร้องที่เป็นผู้บริหารของลูกหนี้สิ้นสุดลงได้หรือไม่ เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 90/20 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ในกรณีที่ศาลสั่งให้ฟื้นฟูกิจการแต่ยังไม่มีการตั้งผู้ทำแผน ให้อำนาจหน้าที่ในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของผู้บริหารของลูกหนี้สิ้นสุดลง ให้ศาลมีคำสั่งตั้งบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือหลายคนหรือผู้บริหารของลูกหนี้เป็นผู้บริหารชั่วคราวมีอำนาจหน้าที่จัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ต่อไปภายใต้การกำกับดูแลของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จนกว่าจะมีการตั้งผู้ทำแผน…” และหากในคดีนั้นศาลมีคำสั่งตั้งผู้ทำแผนแล้ว มาตรา 90/25 บัญญัติว่า “…เมื่อศาลมีคำสั่งตั้งผู้ทำแผนแล้ว ให้อำนาจหน้าที่ในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้และบรรดาสิทธิตามกฎหมายของผู้ถือหุ้นของลูกหนี้ ยกเว้นสิทธิที่จะได้รับเงินปันผลตกแก่ผู้ทำแผน…” เช่นนี้ ตามบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้น เมื่อศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการแล้ว อำนาจของผู้บริหารของลูกหนี้ในการบริหารจัดการกิจการของลูกหนี้ย่อมสิ้นสุดโดยมีผู้บริหารชั่วคราวหรือผู้ทำแผนเป็นผู้ใช้อำนาจดังกล่าวแทน แล้วแต่กรณี และเมื่อคดีฟื้นฟูกิจการสิ้นสุดลงโดยการยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ มาตรา 90/74 บัญญัติว่า “ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการให้อำนาจหน้าที่ในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้กลับเป็นของผู้บริหารของลูกหนี้…” หรือกรณีคดีฟื้นฟูกิจการสิ้นสุดลงโดยการยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ มาตรา 90/75 บัญญัติว่า “คำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ…ให้มีผลดังนี้ (1) ผู้บริหารของลูกหนี้กลับมีอำนาจจัดการและทรัพย์สินของลูกหนี้ต่อไป…” จึงเห็นได้ว่า คำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการมิได้ทำให้สถานะของผู้ร้องซึ่งเป็นผู้บริหารของลูกหนี้สิ้นสุดไปแต่อย่างใด เป็นแต่เพียงให้มีการพักการใช้อำนาจในการบริหารจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ในระหว่างการฟื้นฟูกิจการเป็นการชั่วคราวเท่านั้น เช่นนี้การที่ผู้บริหารแผนมีหนังสือแจ้งข้อกำหนดต่าง ๆ ให้ผู้ร้องปฏิบัติจึงมีผลบังคับได้เท่าที่ไม่กระทบถึงสถานะและสิทธิของผู้ร้องซึ่งยังดำรงสถานะเป็นผู้บริหารของลูกหนี้ในการที่จะดำเนินการต่าง ๆ ตามที่พระราชบัญญัติล้มละลายฯ ได้บัญญัติให้อำนาจและคุ้มครองไว้ คำสั่งของศาลล้มละลายกลางส่วนนี้จึงชอบแล้ว
ส่วนที่ผู้ร้องอุทธรณ์เกี่ยวกับการขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้บริหารแผนพ้นจากตำแหน่งตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ พ.ศ.2483 มาตรา 90/67 นั้น เมื่อปรากฏว่าระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งให้บริษัทเอ็ฟเฟ็คทีฟแพลนเนอร์ส จำกัด พ้นจากตำแหน่งผู้บริหารแผนและคำสั่งดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว บริษัทเอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส จำกัด จึงไม่มีสถานะเป็นผู้บริหารแผนในการฟื้นฟูกิจการอีกต่อไป การที่จะพิจารณาอุทธรณ์ของผู้ร้องส่วนที่ว่ามีเหตุที่จะสั่งให้ผู้บริหารแผนพ้นจากตำแหน่งอีกหรือไม่ ย่อมไม่เป็นประโยชน์ในการพิจารณาอีกต่อไป ส่วนปัญหาอื่นตามอุทธรณ์ของผู้ร้องไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะมิได้ทำให้ผลคดีเปลี่ยนไป
สำหรับอุทธรณ์ของผู้บริหารแผนที่ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งหมดนั้นพอสรุปได้ว่า ผู้บริหารแผนขอให้ศาลฎีกาเพิกถอนสถานะของผู้ร้องทั้งในการเป็นกรรมการของลูกหนี้และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลูกหนี้นั้น เห็นว่า ในปัญหานี้ศาลฎีกาได้วินิจฉัยแล้วว่าสถานะของผู้ร้องในการเป็นผู้บริหารของลูกหนี้ยังคงอยู่เพียงแต่ผู้ร้องในฐานะผู้บริหารของลูกหนี้ถูกจำกัดอำนาจในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้หลังจากศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้แล้ว ส่วนที่ว่าผู้ร้องยังเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลูกหนี้อีกฐานะหนึ่ง นั้น เห็นว่า การที่ผู้ร้องมีฐานะเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลูกหนี้ ถือว่าผู้ร้องเป็นผู้บริหารสูงสุดในการดำเนินธุรกิจจัดการกิจการของบริษัทลูกหนี้ และเมื่อผู้ร้องดำเนินกิจการของลูกหนี้ในฐานะดังกล่าวแล้วจะต้องรายงานผลการดำเนินงานให้แก่คณะกรรมการของลูกหนี้ทราบ การที่ผู้ร้องดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลูกหนี้ถือได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้มีอำนาจดำเนินกิจการของลูกหนี้อยู่ในวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ จึงถือเป็นการกระทำในฐานะผู้บริหารของลูกหนี้เช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้ร้องในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลูกหนี้ย่อมถูกจำกัดการใช้อำนาจในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้หลังจากศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม สถานะของผู้ร้องในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลูกหนี้ก็จะยังคงมีอยู่เช่นเดียวกับการที่ผู้ร้องเป็นกรรมการของลูกหนี้ ดังนั้น ผู้บริหารแผนจึงไม่มีอำนาจออกคำสั่งไปในทางให้สถานะของผู้ร้องไม่ว่าฐานะกรรมการของลูกหนี้หรือประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลูกหนี้สิ้นสุดลงได้ คำสั่งของศาลล้มละลายกลางจึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้บริหารแผนฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน