แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่พิพาท เมื่อจำเลยต่อสู้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ ก็ต้องถือว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์ และเมื่อที่พิพาทมีราคาเพียง 1,500 บาท แม้โจทก์จะเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ตลอดมา ถ้าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้อง โจทก์ก็ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยและสามีได้มาขอปลูกเรือนอยู่ในที่บ้านของนางสุข แม่ยายโจทก์ นางสุขตายเมื่อ ๑๕ ปีมานี้ ก่อนตายนางสุขได้แบ่งทรัพย์ให้บุตรพยาน โจทก์ได้รับส่วนแบ่ง คือที่นาพิพาท และที่บ้าน รายพิพาท เมื่อนางสุขยกบ้านและที่นาพิพาทให้โจทก์แล้ว จำเลยได้ขอปลูกเรือนอาศัยอยู่กับโจทก์ไปก่อน ต่อมาจำเลยบุกรุกเข้าทำนาพิพาท ๒ ไร่ ขอให้พิพากษาว่าที่นาและที่บ้านรายพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องและให้จำเลยรื้อเรือนไป
จำเลยให้การว่า หลังจากนายทา นางสุขตายแล้ว ที่บ้านกับที่นาพิพาทตามแผนที่ท้ายฟ้องเป็นทรัพย์มรดกได้แก่สามีจำเลยและเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยกับสามี ๆ ได้ครอบครองมาจนสามีจำเลยตาย ที่บ้านกับที่นาพิพาทก็ตกเป็นมรดกได้แก่จำเลยกับบุตร จำเลยไม่เคยขออาศัยโจทก์ และไม่ได้บุกรุกที่นาของโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ แม้โจทก์จะฟ้องขับไล่จำเลยก็ตาม แต่จำเลยก็ได้ต่อสู้กรรมสิทธิ์ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ และจำนวนทุนทรัพย์ก็เพียง ๑,๕๐๐ บาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกัน ให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ (แม้โจทก์จะเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ตลอดมาก็ตาม)
ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าทรัพย์รายพิพาทเป็นมรดกตกทอดมาจากบิดามารดา แต่ในชั้นพิจารณาจำเลยกลับเบิกความว่าบิดามารดายกให้ ข้อเท็จจริงในคำให้การจึงต่างกับในชั้นพิจารณานั้น เห็นว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี้ขาดต้องกันมาแล้วว่า พยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าโจทก์ให้จำเลยอาศัยที่บ้านรายพิพาท และบุกรุกที่นาพิพาทของโจทก์ เป็นเรื่องโจทก์สืบไม่สมฟ้อง ดังนั้น การที่จำเลยให้การไว้ว่าได้ทรัพย์รายพิพาทจากทางมรดกตกทอดแล้วนำสืบว่าได้รับมาจากการที่บิดามารดายกให้ ก็เป็นการแสดงอยู่ในตัวว่าจำเลยไม่ได้อาศัยและไม่ได้บุกรุกที่พิพาทของโจทก์ จะฟังความจริงอย่างที่จำเลยกล่าวในทางหนึ่งทางใดก็ไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป เพราะเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องพิสูจน์ให้สมฟ้อง เมื่อสืบไม่สมฟ้องก็ต้องแพ้คดี
พิพากษายืน