คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5409/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยโจทก์ยอมยกเลิกเงินที่จำเลยที่ 1 เป็นหนี้ตามสัญญากู้ และที่จำเลยที่ 2 เป็นหนี้ตามสัญญาขายฝาก ให้จำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวรับผิดชดใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม ดังนี้แม้โจทก์จะรู้เรื่องการฉ้อโกงตามสัญญาขายฝากและสัญญากู้ภายหลังที่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอมก็ตามโจทก์จะมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานฉ้อโกงไม่ได้ เพราะเป็นการยินยอมไม่ว่ากล่าวในหนี้รายนี้ต่อกันแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน จำเลยที่ 2นำบ้านเลขที่ 84 มาขายฝากโจทก์เป็นเงิน 80,000 บาท และจำเลยที่ 1กู้ยืมเงินโจทก์ไป 130,000 บาท ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ให้ชำระหนี้เงินกู้โจทก์และจำเลยที่ 1 จึงทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยจำเลยที่ 1 ยอมชำระเงิน 53,000 บาท ให้โจทก์ ศาลพิพากษาตามยอมโจทก์ได้จดทะเบียนไถ่ถอนการขายฝากตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว แต่จำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ให้ โจทก์จึงนำยึดบ้านเลขที่ 84เพื่อบังคับคดี นางน้อยพี่สาวจำเลยที่ 2 ร้องขัดทรัพย์ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปล่อยบ้านที่ยึด โจทก์จึงทราบว่าบ้านเลขที่ 84ไม่ใช่บ้านของจำเลยทั้งสอง แต่จำเลยหลอกลวงโจทก์ให้หลงเชื่อจึงรับซื้อฝากไว้และให้จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 83 จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงโจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า สัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 14/2526 ของศาลชั้นต้น ไม่ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องในความผิดฐานฉ้อโกงระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2) ศาลฎีกาจึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์กับจำเลยที่ 1ได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยโจทก์ยอมยกเลิกเงินที่จำเลยที่ 1 เป็นหนี้ตามสัญญากู้ 130,000 บาท และที่จำเลยที่ 2 เป็นหนี้ตามสัญญาขายฝาก 80,000 บาท โดยให้จำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวรับผิดชดใช้เงินจำนวน 53,000 บาทแก่โจทก์ และศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมปรากฏตามสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 14/2526 ของศาลชั้นต้นดังนี้ แม้โจทก์จะรู้เรื่องฉ้อโกงตามสัญญาขายฝากและสัญญากู้ภายหลังที่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอมก็ตามโจทก์จะมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานฉ้อโกงไม่ได้ เพราะเป็นการยินยอมไม่ว่ากล่าวในหนี้รายนี้ต่อกันแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล”
พิพากษายืน

Share