แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้โจทก์ได้มอบอำนาจทุกอย่างให้หัวหน้าเขตดำเนินการและโจทก์ยังไม่ได้เพิกถอนการมอบอำนาจคืน โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องคดีได้เอง เพราะโจทก์เป็นตัวการส่วนหัวหน้าเขตเป็นเพียงตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์เท่านั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยให้รื้อถอนอาคารส่วนที่ต่อเติมผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาต การกระทำของจำเลยเป็นการขัดต่อเทศบัญญัติของเทศบาลนครกรุงเทพเรื่องควบคุมการก่อสร้างอาคาร และข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องควบคุมการก่อสร้างอาคาร และขัดต่อพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารและพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร อันเป็นการกระทบกระเทือนต่อความปลอดภัยและป้องกันอัคคีภัยการสัญจรไปมาและรักษาอาคารให้เป็นระเบียบเรียบร้อยแม้ไม่มีคำว่าจะก่อให้เกิดเสียหายอย่างไรก็เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองแล้วฟ้องโจทก์จึงสมบูรณ์ตามกฎหมายไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้แต่อย่างใด
การที่ศาลล่างทั้งสองสั่งให้จำเลยทำทางเดินกว้าง 1 เมตรในชั้นที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 แทนการให้จำเลยต้องทุบเสาคอนกรีตเสริมเหล็กออกนั้นก็เป็นผลดีแก่จำเลยอย่างที่สุดแล้วและศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งให้แก้ไขได้คำพิพากษาที่เป็นผลดีแก่จำเลยเช่นนี้ ไม่ถือว่าเป็นการพิพากษาเกินคำขอ เพราะหากศาลพิพากษาให้ตามคำขอของโจทก์ที่ให้รื้อถอนอาคารส่วนที่ก่อสร้างต่อเติมจะทำให้จำเลยเสียหายยิ่งกว่าที่ให้แก้ไข
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ก่อสร้างต่อเติมโดยไม่รับอนุญาต ถ้าจำเลยไม่ยอมรื้อถอน ก็ให้โจทก์รื้อถอนได้เองโดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
จำเลยให้การต่อสู้คดีหลายประการ และว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยไม่ได้ต่อเติมอาคารให้ผิดแบบแปลนที่ขออนุญาต อาคารที่จำเลยก่อสร้างนี้ไม่ปรากฏว่ามีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรงหรือผิดสุขลักษณะหรือไม่ปลอดภัยแก่ประชาชน จึงไม่สมควรที่จะรื้อถอน ทั้งฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้จำเลยรื้อถอนพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กที่ต่อเติมชั้นลอยใหัคงเหลือกว้าง ๔ เมตร ยาว ๘.๕๐ เมตร เท่าที่ได้รับอนุญาต ส่วนเสาคอนกรีตเสริมเหล็กที่ก่อสร้างระหว่างช่องทางเดินของชั้นที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ ชั้นละ ๓ ต้นนั้นไม่ต้องรื้อถอน แต่ต้องจัดให้มีทางเดินระหว่างห้องถึงเสากว้าง ๑ เมตรแทน ให้รื้อถอนกันสาดคลุมทางเดินและอิฐที่ต่อเติมจากรั้วเดิมขึ้นไปให้รื้อถอนอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กที่ก่อสร้างต่อเติมบนดาดฟ้าชั้น ๔ เนื้อที่ ๘๖ ตารางเมตร ให้เปลี่ยนช่องหน้าต่างในผนังด้านที่ติดกับเอกชนเป็นชนิดที่เปิดปิดไม่ได้ หากจำเลยไม่รื้อถอนก็ให้โจทก์รื้อถอนได้เอง โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในราคาที่พอสมควร
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยในข้อแรกว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้เพราะโจทก์ได้มอบอำนาจทุกอย่างให้หัวหน้าเขตบางรักไปดำเนินการและโจทก์ยังไม่ได้ถอนการมอบอำนาจคืนนั้น เห็นว่า หัวหน้าเขตบางรักเป็นเพียงตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ โจทก์เป็นตัวการ มีอำนาจฟ้องคดีได้เอง โดยมิพักต้องเพิกถอนการมอบอำนาจเสียก่อน จำเลยฎีกาเป็นข้อที่ ๒ ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่ได้กล่าวว่า การที่จำเลยก่อสร้างต่อเติมอาคารพิพาทจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างไรจำเลยไม่สามารถแก้ข้อกล่าวหาได้ถูกต้องนั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องจำเลยให้รื้อถอนอาคารส่วนที่ต่อเติมผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาต การกระทำของจำเลยเป็นการขัดต่อเทศบัญญัติของเทศบาลนครกรุงเทพ เรื่อง ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. ๒๔๘๓ ข้อ ๓๐, ๓๔, ๓๖, ๖๑, ๖๓ และข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ข้อ ๓๓, ๓๕, ๗๔, ๗๖, ๘๓ และขัดต่อพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. ๒๔๗๙ และพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ อันเป็นการกระทบกระเทือนต่อความปลอดภัยและป้องกันอัคคีภัย การสัญจรไปมาและการรักษาอาคารให้เป็นระเบียบเรียบร้อยไม่มีคำว่าจะก่อให้เกิดเสียหายอย่างไร ก็เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ และคำขอบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ วรรคสองแล้ว ฟ้องโจทก์จึงสมบูรณ์ตามกฎหมาย ไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้แต่อย่างใด ส่วนฎีกาจำเลยข้อสุดท้ายที่ว่า ถ้าจะให้รื้อชั้นลอย ตึกจะต้องพังทั้งหลัง ที่สั่งให้ทำทางเดินกว้าง ๑ เมตรแทนโดยไม่ต้องทุบเสาคอนกรีตเสริมเหล็กชั้นที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ ก็เป็นการพิพากษาเกินคำขอของโจทก์ และที่ให้รื้อกันสาดคลุมทางเดินด้านหลังและอิฐที่ต่อเติมจากรั้วเดิมขึ้นไปกันสาดและอิฐที่ก่อดังกล่าวก็มิใช่ตัวอาคาร ไม่สามารถก่อให้เกิดความเสียหายแก่ใครได้ หากรื้อจะเสียหายเพราะเกี่ยวข้องกับโครงเหล็กที่ผูกเหล็กในตัวอาคาร นั้น ก็เห็นว่า มิใช้ข้ออ้างอันจะนำมาเป็นเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองได้ ทั้งการให้ทำทางเดินกว้าง ๑ เมตรในชั้นที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ แทนการให้จำเลยต้องทุบเสาคอนกรีตเสริมเหล็กออกนั้น ก็เป็นผลดีแก่จำเลยอย่างที่สุดแล้ว และศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งให้แก้ไขได้ คำพิพากษาที่เป็นผลดีแก่จำเลยเช่นนี้ ไม่ถือว่าเป็นการพิพากษาเกินคำขอ เพราะหากศาลพิพากษาให้ตามคำขอของโจทก์ในข้อนี้ จะทำให้จำเลยเสียหายยิ่งกว่าที่ให้แก้ไขอันเป็นการบรรเทาความเสียหายแก่จำเลยลง และที่ว่าศาลอุทธรณ์สั่งให้รื้อชั้นที่ ๕ ของอาคารออก กับให้เปลี่ยนหน้าต่างให้เป็นไปตามแบบแปลนที่ได้รับอนุญาต การก่อสร้างต่อเติมดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดความเสียหายอะไรแก่ใคร ทำให้มีการระบายลมเข้าออกและถูกสุขลักษณะและอนามัยด้วย นั้น เห็นว่าการก่อสร้างต่อเติมไม่เป็นไปตามแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง ข้ออ้างของจำเลยเป็นเรื่องของความสุขสบายเฉพาะจำเลย ไม่คำนึงถึงความเสียหายและภยันตรายที่อาจเกิดแก่บุคคลอื่นหรือส่วนรวมเป็นข้ออ้างที่ไม่อาจรับฟังได้ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนตามฟ้องชอบแล้ว
พิพากษายืน