คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2280/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คู่ความท้ากันประเด็นเดียวว่า โจทก์ทั้งสองซื้อที่พิพาทมาโดยชอบหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ทั้งสองซื้อที่พิพาทโดยมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การซื้อที่พิพาทจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 และโจทก์ทั้งสองต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า.

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องมีใจความว่าโจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทโดยโจทก์ที่ 1 ซื้อจากนายเล็ม แกมกล้าและนายพรมสินปรุ บิดาจำเลย ส่วนโจทก์ที่ 2 ได้รับยกให้จากนายเล็มและนางสี แกมกล้า บิดามารดาของภรรยา ต่อมานายพรมได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์คลุมทับที่ดินของโจทก์ทั้งสองโดยโจทก์ไม่ทราบ ต่อมานายพรมตาย และมีการแบ่งมรดกกัน จำเลยได้รับส่วนแบ่งที่ดินส่วนที่เป็นของโจทก์ทั้งสอง โจทก์ทั้งสองบอกกล่าวให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินส่วนของโจทก์ให้แก่โจทก์ แต่จำเลยไม่ยินยอม ขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ทั้งสองให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เฉพาะส่วนที่คลุมทับที่ดินพิพาท หากไม่อาจเพิกถอนได้ให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ไปขอให้ถือเอาคำพิพากษาแสดงเจตนาแทนจำเลย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยโจทก์ทั้งสองมาขออาศัยบิดาจำเลยอยู่ในที่ดินพิพาท คดีโจทก์ที่ 1ขาดอายุความขอให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสอง และฟ้องแย้งขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ให้โจทก์ทั้งสองรื้อสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินพิพาท
โจทก์ทั้งสองให้การแก้ฟ้องแย้งว่า บิดาจำเลยขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์คลุมทับที่ดินพิพาทโดยไม่ชอบ จำเลยไม่เคยเข้าครอบครองที่ดินพิพาท ฟ้องแย้งของจำเลยขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
วันนัดสืบพยานจำเลย ศาลชั้นต้นสั่งให้พิจารณาคดีทั้งสองรวมกันโดยเรียกโจทก์สำนวนแรกว่าโจทก์ที่ 1 เรียกโจทก์สำนวนหลังว่าโจทก์ที่ 2 และเรียกจำเลยทั้งสองสำนวนว่าจำเลย
คู่ความแถลงว่า ขอให้สืบพยานในประเด็นข้อเดียวว่าโจทก์ทั้งสองต่างซื้อที่ดินพิพาทมาโดยชอบหรือไม่ หากฟังได้ว่าโจทก์ทั้งสองซื้อที่ดินพิพาทมาโดยชอบจำเลยยอมแพ้คดี หากฟังไม่ได้ความดังกล่าว โจทก์ยอมแพ้คดี ส่วนประเด็นแห่งคดีข้ออื่นนั้น คู่ความแถลงขอสละเสียทั้งสิ้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ทั้งสองตามฟ้อง ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เฉพาะส่วนที่คลุมทับที่พิพาท คำขอนอกจากนี้ให้ยกเสียทั้งสิ้น
จำเลยอุทธรณ์ทั้งสองสำนวน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาทั้งสองสำนวน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คู่ความท้ากันประเด็นเดียวว่า โจทก์ทั้งสองซื้อที่พิพาทมาโดยชอบหรือไม่ สำหรับโจทก์ที่ 1 ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบว่าโจทก์ที่ 1 ซื้อที่พิพาทส่วนหนึ่งจากนายเล็ม หรือเลน แกมกล้า เมื่อปี พ.ศ. 2516 โดยไม่ได้ทำสัญญาซื้อขายกัน และซื้อจากนายพรม สินปรุ บิดาจำเลยเนื้อที่ 1 งานเศษตามเอกสารหมาย จ.3 ในการซื้อขายที่พิพาทดังกล่าว ปรากฏว่ามิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงเป็นการซื้อที่พิพาทโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 เมื่อการซื้อขายที่พิพาทของโจทก์ที่ 1 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ที่ 1 ก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า ส่วนโจทก์ที่ 2 นั้นโจทก์ที่ 2 เบิกความว่าโจทก์ที่ 2 เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทตามเอกสารหมาย จ.1 โดยนายเล็มซึ่งเป็นพ่อตายกให้ นายเล็มได้ทำหนังสือมอบที่ดินและบ้านให้แต่ตามบันทึกท้ายหนังสือดังกล่าวระบุว่า นายเล็ม ขายที่พิพาทให้โจทก์ที่ 2 แต่ก็ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงเป็นการซื้อที่พิพาทโดยไม่ชอบ ตกเป็นโมฆะ ตามนัยแห่งบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวโจทก์ที่ 2 ก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้าเช่นเดียวกัน
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสอง

Share