แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยพยายามที่จะให้คดีดำเนินไปอย่างล่าช้า กล่าวคือในเบื้องต้นจำเลยทำเป็นฟ้องแย้งแล้วปล่อยระยะเวลาให้ล่วงเลยไปโดยไม่นำเจ้าพนักงานไปส่งหมายเรียกและฟ้องแย้งให้โจทก์ ศาลจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีฟ้องแย้งวันชี้สองสถานฝ่ายจำเลยไม่มาศาลวันสืบพยานจำเลยครั้งแรก ทนายจำเลยแถลงว่าปวดฟันขอเลื่อน ศาลอนุญาตและได้กำชับว่าหากมีกรณีขอเลื่อนไปอีกศาลจะไม่อนุญาตถ้าไม่มีเหตุผลที่หนักแน่นสมควร นัดที่ 2 โจทก์ขอเลื่อน นัดที่ 3 จำเลยขอเลื่อนโดยอ้างเหตุป่วยปวดฟัน ศาลอนุญาตให้เลื่อน และสั่งว่าจะอนุญาตให้จำเลยขอเลื่อนไปครั้งนี้ครั้งเดียว ในนัดหน้าจะไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนไปอีกไม่ว่ากรณีใด นัดที่ 4 ทนายจำเลยขอเลื่อนอีก อ้างเหตุปวดฟันโจทก์คัดค้าน ศาลจึงไม่อนุญาตให้เลื่อนตามพฤติการณ์ที่ฝ่ายจำเลยดำเนินคดีตลอดมาดังกล่าวนี้ เป็นการประวิงคดี ศาลจึงไม่อนุญาตให้เลื่อน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขับไล่ให้จำเลยออกจากเคหะที่เช่า
จำเลยต่อสู้ว่า ได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าฯ และเป็นสัญญาต่างตอบแทน จึงฟ้องแย้งขอให้ศาลบังคับโจทก์ให้จำเลยเช่าห้องพิพาทต่อไปอีก 6 ปี
ศาลสั่งให้รับฟ้องแย้งและส่งสำเนาให้โจทก์แก้ แต่จำเลยไม่ไปนำเจ้าพนักงานส่งหมาย ศาลชั้นต้นจึงสั่งจำหน่ายฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยเป็นฝ่ายนำสืบก่อน จำเลยขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุป่วยปวดฟันรวม 3 ครั้ง ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยประวิงคดี จึงมีคำสั่งว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบตามข้อต่อสู้ ให้งดสืบพยานจำเลยและนัดสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์แล้วพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวาร
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่ากลวิธีในการดำเนินคดีของจำเลยตั้งแต่ต้นมาแสดงให้เห็นว่าจำเลยพยายามที่จะให้คดีดำเนินไปอย่างชักช้า กล่าวคือ ในเบื้องต้นจำเลยได้ทำเป็นฟ้องแย้ง แต่แล้วจำเลยก็ปล่อยระยะเวลาให้ล่วงเลยไปโดยไม่นำเจ้าพนักงานไปส่งหมายเรียกและฟ้องแย้งให้โจทก์ ศาลจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายฟ้องแย้งในวันนัดชี้สองสถานฝ่ายจำเลยก็ไม่มาศาล แต่โจทก์ขอให้ศาลดำเนินการชี้สองสถานไป ศาลได้กำหนดหน้าที่นำสืบให้จำเลยเป็นฝ่ายสืบก่อนถึงวันนัดสืบพยานครั้งแรกทนายจำเลยแถลงต่อศาลว่า ป่วยปวดฟันได้บอกให้จำเลยกลับไปแล้วขอเลื่อนคดีไปศาลอนุญาตให้เลื่อน และได้กำชับว่าในนัดหน้าจำเลยมีพยานเพียงใดให้ระบุและหมายเรียกหรือนำมาสืบเสีย หากมีกรณีขอเลื่อนไปอีกศาลจะไม่อนุญาตถ้าไม่มีเหตุผลที่หนักแน่นสมควรแท้จริง
นัดที่ 2 ทนายโจทก์ขอเลื่อน
นัดที่ 3 ทนายจำเลยขอเลื่อน โดยอ้างเหตุป่วยปวดฟัน ศาลอนุญาตให้เลื่อน และได้จดรายงานพิจารณาว่า ศาลจะอนุญาตให้ฝ่ายจำเลยขอเลื่อนคดีนี้ไปครั้งนี้อีกครั้งเดียว ในนัดหน้าศาลจะไม่อนุญาตให้จำเลยขอเลื่อนคดีไปอีกไม่ว่ากรณีใด ๆ ศาลไม่พึงประสงค์จะให้คู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถือโอกาสประวิงคดี
นัดที่ 4 ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนอีก อ้างเหตุป่วยปวดฟันโดยถอนฟัน 1 ซี่ และเหงือกเป็นหนอง โจทก์คัดค้านว่า ทนายจำเลยขอเลื่อนมาหลายนัดแล้ว ศาลจึงไม่อนุญาตให้เลื่อน
ที่จำเลยฎีกาว่า การเจ็บป่วยของทนายจำเลยเป็นการเจ็บป่วยโดยกระทันหัน สุดวิสัยที่จำเลยจะทราบได้จึงไม่สามารถหาทนายใหม่ได้นั้น เห็นว่าเป็นข้อแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น เพราะการป่วยเป็นโรคฟันของทนายจำเลยนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่พึงเป็นโดยปัจจุบันทันด่วน แต่ทนายจำเลยป่วยเป็นโรคฟันมาก่อนหลายเดือนแล้ว และการที่ศาลอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี 2 นัดก่อนก็ได้กำชับเรื่องการขอเลื่อนไว้แล้ว ถึงกระนั้นจำเลยก็ยังขอเลื่อนด้วยเหตุอย่างเดียวขึ้นมาอีกตามพฤติการณ์ที่ฝ่ายจำเลยดำเนินคดีตลอดมาดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการประวิงคดีที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีต่อไปจึงชอบแล้ว ไม่มีเหตุที่จะสั่งให้จำเลยสืบพยานใหม่ดังที่จำเลยฎีกาขึ้นมา
ส่วนข้อที่จำเลยฎีกาว่าถ้าศาลอนุญาตให้จำเลยสืบพยานได้แล้วคดีของจำเลยจะฟังได้ว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทน และห้องพิพาทเป็นเคหะได้รับความคุ้มครองนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อไม่อนุญาตให้จำเลยสืบพยานได้แล้วก็ไม่มีข้อเท็จจริงที่จะต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยในข้อนี้แต่ประการใด
พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฎีกาจำเลยและให้จำเลยเสียค่าทนายชั้นฎีกา 100 บาทแทนโจทก์ด้วย