คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6104/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรุงเทพมหานครจำเลยที่ 4 มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในการจัดให้มีและบำรุงรักษาทางบก ทางน้ำ และทางระบายน้ำ รวมทั้งการวิศวกรรมจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2518 มาตรา 66(2) และ (12) ย่อมมีหน้าที่ควบคุมและจัดให้มีเครื่องหมายและสัญญาณไฟให้ประชาชนผู้ใช้ถนนได้เห็นชัดเจนเพื่อป้องกันอุบัติ เหตุ ถึงแม้จำเลยที่ 4 จะได้กำหนดให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับเหมาเป็นผู้ดูแลพื้นที่ในถนนที่ทำการซ่อมปรับปรุง จำเลยที่ 4 ก็ต้องควบคุมให้จำเลยที่ 2 ติดตั้งเครื่องหมายและสัญญาณไฟให้ถูกต้อง การที่จำเลยที่ 1 ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 มีความประมาทมิได้ติดตั้งสัญญาณไฟไว้ในบริเวณหลุมที่ขุดในถนนเป็นเหตุให้โจทก์ที่ 2 ขับรถยนต์มาตกหลุมดังกล่าวทำให้ผู้ที่โดยสารมาถึงแก่ความตายโจทก์ที่ 2 ได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินของโจทก์ที่ 2 ที่ 3 สูญหายถือได้ว่าจำเลยที่ 4 ละเว้นหน้าที่โดยประมาทเลิ่นเล่อในการไม่ควบคุมให้มีการติดตั้งเครื่องหมายและสัญญาณไฟให้ถูกต้องเป็นเหตุให้ความเสียหายดังกล่าวต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๔ มีหน้าที่จัดระเบียบบริหารราชการในกรุงเทพมหานคร ในด้านการสาธารณูปโภคต่าง ๆ และต้องให้ความปลอดภัยแก่ประชาชนผู้ใช้ถนนในขณะที่มีการก่อสร้างหรือซ่อมปรับปรุง จำเลยที่ ๔ ได้ว่าจ้างจำเลยที่ ๒ ซ่อมปรับปรุงถนนราชวิถีจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิถึงใกล้ทางรถไฟ อยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยที่ ๔ จำเลยที่ ๒ และที่ ๔ มีหน้าที่แจ้งหรือแสดงสัญญาณให้ผู้ใช้ถนนทราบ เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๒๕ เวลาประมาณ ๑ นาฬิกา จำเลยที่ ๒ ขุดถนนราชวิถีบริเวณหน้าสถานฝึกวิชาชีพ กว้าง ๓ เมตร ยาว ๕.๓๐ เมตร ลึก ๕๐ เซนติเมตร จำเลยที่ ๑ ลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ให้สัญญาณจราจร แต่จำเลยที่ ๑ ไม่กระทำ โจทก์ที่ ๒ ได้ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ๗ ก-๙๗๓๘ กรุงเทพมหานครของโจทก์ที่ ๒ ซึ่งโจทก์ที่ ๑ รับประกันภัยไว้ รถของโจทก์กระแทกกับขอบหลุมอย่างแรงจนเด็กชายพิระพัฒน์ รัตนางศุ ถึงแก่ความตาย โจทก์ที่ ๒ ได้รับบาดเจ็บสาหัสโจทก์ที่ ๓ ได้รับบาดเจ็บ ทรัพย์สินของโจทก์ที่ ๒ เสียหาย ทรัพย์สินของโจทก์ที่ ๓ สูญหาย รถยนต์พังเสียหายทั้งคัน โจทก์ที่ ๑ จ่ายเงินเต็มตามจำนวนที่รับประกันภัยไว้ให้แก่โจทก์ที่ ๒ ไปแล้วเป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ ๑ จำนวน ๑๐๕,๖๒๕ บาท โจทก์ที่ ๒ จำนวน ๑๙๓,๕๐๐ บาท และโจทก์ที่ ๓ จำนวน ๖๔,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท, ๑๘๐,๐๐๐ บาท และ ๖๐,๐๐๐ บาท ตามลำดับนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
โจทก์ทั้งสามไม่ดำเนินการเกี่ยวกับการส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ ๒ และที่ ๓
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ไม่มีหน้าที่จัดแผงสัญญาเตือนเหตุเกิดเพราะโจทก์ที่ ๒ ประมาทโดยขับรถในขณะเสพสุรามึนเมา ขับเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด โจทก์เรียกค่าเสียหายสูงเกินความเป็นจริง ขอให้ศาลยกฟ้อง
จำเลยที่ ๔ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ รับเหมาทำการก่อสร้างปรับปรุงถนนราชวิถีจากจำเลยที่ ๔ จำเลยที่ ๔ ได้มอบการครอบครองถนนช่วงดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ จำเลยที่ ๔ จึงมิต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๒ เหตุเกิดเพราะความประมาทของโจทก์ที่ ๒ ที่ขับรถเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดโจทก์เรียกค่าเสียหายสูงกว่าความเป็นจริง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน ๙๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๒๕ และดอกเบี้ยอัตราเดิมของต้นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๒๕ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ ๑ ให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้องละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๒๕ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ ๒ ให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงิน ๑๔,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๒๕ จนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ที่ ๓ สำหรับจำเลยที่ ๔ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาวินิจฉัยตามที่โจทก์ฎีกามีแต่เพียงว่าจำเลยที่ ๔ จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ หรือไม่ ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ ๔ ได้ทำสัญญาจ้างเหมาจำเลยที่ ๒ ให้ทำการซ่อมปรับปรุงถนนราชวิถีจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิถึงใกล้ทางรถไฟ จำเลยที่ ๒ ได้มอบให้จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นลูกจ้างทำหน้าที่คอยให้สัญญาณแก่ผู้ใช้ถนนในบริเวณนั้น เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๒๕ เวลาประมาณ ๑ นาฬิกา โจทก์ที่ ๒ ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ๗ ก-๙๗๓๘ กรุงเทพมหานคร ของโจทก์ที่ ๒ ซึ่งโจทก์ที่ ๑ รับประกันภัยไว้ไปตามถนนสายนี้ จำเลยที่ ๒ ขุดหลุมขวางถนนในช่องทางที่โจทก์ที่ ๒ จะต้องขับรถไป โดยจำเลยที่ ๑ มิได้ติดตั้งสัญญาณไฟไว้ที่หลุม เป็นเหตุให้โจทก์ที่ ๒ ขับรถตกหลุมดังกล่าว รถและทรัพย์สินอื่นของโจทก์ที่ ๒ รวมทั้งทรัพย์สินของโจทก์ที่ ๓ เสียหายตัวโจทก์ที่ ๒ ที่ ๓ บาดเจ็บสาหัส เด็กชายพีระพัฒน์ รัตนางศุ ถึงแก่ความตาย จำเลยที่ ๔ นำสืบต่อสู้ว่าจำเลยที่ ๔ ทำสัญญาจ้างเหมาจำเลยที่ ๒ โดยมอบให้จำเลยที่ ๒ ดูแลถนนในระหว่างทำการซ่อมปรับปรุง จำเลยที่ ๔ ได้แต่งตั้งนายวิเชียร สิโนทก กับนายสมศักดิ พุ่มกนก เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง นายวิเชียรแจ้งให้จำเลยที่ ๒ ทำเครื่องหมายป้องกันอุบัติเหตุและสัญญาณไฟให้เพียงพอ และจำเลยที่ ๔ ได้มีหนังสือเตือนไปอีกตามเอกสารหมาย ล.๔ ล.๕ จำเลยที่ ๔ จึงไม่ต้องรับผิด
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ ๔ มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในการจัดให้มีและบำรุงรักษาทางบก ทางน้ำ และทางระบายน้ำ รวมทั้งการวิศวกรรมจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.๒๕๐๘ มาตรา ๖๖๙(๒) และ (๑๒) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในเวลาเกิดเหตุ จำเลยที่ ๔ ย่อมมีหน้าที่ควบคุมและจัดให้มีเครื่องหมายและสัญญาณไฟให้ประชาชนผู้ใช้ถนได้เห็นชัดเจนเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงของจำเลยที่ ๔ ถึงแม้จะได้กำหนดให้จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ดูแลพื้นที่ดังกล่าว จำเลยที่ ๔ ก็ต้องควบคุมให้จำเลยที่ ๒ ติดตั้งเครื่องหมายและสัญญาณไฟขึ้นให้ถูกต้อง ข้อเท็จจริงได้ความว่าในคืนเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ ลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ มีความประมาทมิได้ติดตั้งสัญญาณไฟไว้บริเวณหลุมที่เกิดเหตุ นายวิเชียร สิโนทกและนายสมศักดิ์ พุ่มกนก ซึ่งจำเลยที่ ๔ ส่งไปให้ควบคุมการซ่อมปรับปรุงถนนที่เกิดเหตุก็มิได้คอยดูว่ามีการติดตั้งสัญญาณไฟบริเวณหลุมดังกล่าวในคืนเกิด เหตุหรือไม่ และนายวิเชียร สิโนทก ยังได้เบิกความว่า เอกสารหมาย ล.๔ ล.๕ ที่จำเลยที่ ๔ ส่งไปให้จำเลยที่ ๒ นั้นมิใช่เอกสารที่เตือนให้ติดตั้งสัญญาณไฟหลุมที่เกิดเหตุ ที่จำเลยที่ ๔ แก้ฎีกาว่า เกิดเหตุเพราะโจทก์ที่ ๒ ประมาทขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้นั้น รับฟังไม่ได้เพราะจำเลยที่ ๔ มิได้นำสืบพยานหลักฐานในข้อนี้ และได้ความจากคำเบิกความของพันตำรวจตรีวิมล เปาอินทร์ พยานโจทก์ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นรองสารวัตรจราจรในขณะเกิดเหตุว่า พยานได้ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุในเวลาใกล้ชิดกับเวลาเกิดเหตุ ปรากฏว่าสองข้างถนนไม่มีแสงไฟฟ้า หลังจากรถโจทก์ที่ ๒ ตกหลุมแล้วยังมีรถอื่นตกหลุมดังกล่าวนี้อีกด้วย พยานมิได้ดำเนินคดีแก่โจทก์ที่ ๒ เพราะเห็นว่าโจทก์ที่ ๒ มิได้ประมาท ตามพฤติการณ์แห่งคดีชี้ให้เห็นว่า จำเลยที่ ๔ ละเว้นหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อ ในการไม่ควบคุมให้มีการติดตั้งเครื่องหมายและสัญญาณไฟให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุหรือป้องกันอันตรายแก่ผู้ใช้ถนนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสามด้วย จำเลยที่ ๔ จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๔ ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ใช้เงินแก่โจทก์ทั้งสามพร้อมดอกเบี้ย และค่าฤชาธรรมเนียมตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้จำเลยที่ ๔ ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาแทนโจทก์ทั้งสามด้วย โดยกำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีการวม ๔,๐๐๐ บาท

Share