แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ.2545 มาตรา 25 กำหนดสิทธิของเจ้าของข้อมูลที่จะดำเนินการอันใดได้บ้างทั้งนี้โดยไม่มีข้อกำหนดหรือให้สิทธิเจ้าของข้อมูลที่ยกเลิกเพิกถอนหรือให้ลบข้อมูลของตนได้ ฉะนั้น เมื่อการจัดเก็บข้อมูลของจำเลยที่ 1 ตลอดจนการแจ้งหรือส่งข้อมูลของสมาชิกของจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 1 เป็นหน้าที่อันต้องพึงปฏิบัติตามกฎหมาย และไม่ปรากฏว่าพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ.2545 ให้อำนาจเจ้าของข้อมูลที่จะกระทำการยกเลิกถอนหรือให้ลบข้อมูลได้ การที่จำเลยทั้งสิบไม่ยกเลิกเพิกถอนหรือลบข้อมูลของโจทก์ตามคำร้องขอของโจทก์ จึงมิใช่การกระทำอันเป็นละเมิดที่จะต้องรับผิดต่อโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดโดยมีจำเลยที่ 2 ถึงที่ 10 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำแทนได้จำเลยที่ 1 ประกอบธุรกิจจัดเก็บและให้บริการข้อมูลตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ.2545 โจทก์เป็นผู้กู้หรือเคยกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน หรือบริษัทที่ประกอบกิจการให้กู้ยืมเงินโดยไม่ใช่สถาบันการเงิน ซึ่งเป็นสมาชิกของจำเลยที่ 1 และบรรดาเจ้าหนี้ของโจทก์ซึ่งเป็นสมาชิกของจำเลยที่ 1 ต่างได้ส่งข้อมูลส่วนบุคคลของโจทก์ อาทิเช่น ชื่อ ชื่อสกุล เลขประจำตัวประชาชน ข้อมูลการเป็นหนี้ตลอดจนข้อมูลการชำระหนี้ของโจทก์ให้แก่จำเลยที่ 1 ประมวลเก็บไว้ในฐานข้อมูลของจำเลยที่ 1 ต่อมาเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2549 โจทก์ไม่ประสงค์จะให้มีข้อมูลส่วนบุคคลของโจทก์ อยู่ในฐานข้อมูลของจำเลยที่ 1 อีกต่อไป โจทก์จึงได้ร่วมกับบุคคลอื่น ส่งหนังสือถึงจำเลยที่ 1 ยกเลิกความยินยอมใดๆ ที่เคยให้จำเลยที่ 1 เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของโจทก์ดังกล่าวไว้ในฐานข้อมูลของจำเลยที่ 1 อีกต่อไปและแจ้งให้ลบข้อมูลส่วนบุคคลของโจทก์ดังกล่าวออกจากฐานข้อมูลของจำเลยที่ 1 ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือและห้ามมิให้จำเลยที่ 1 เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของโจทก์ ที่อาจจะมีการส่งมายังจำเลยที่ 1 ในอนาคตอีกต่อไป รวมทั้งห้ามมิให้เปิดเผยชื่อของโจทก์และบุคคลอื่นที่ร่วมกันส่งหนังสือ ต่อมาเมื่อครบกำหนดตามหนังสือของโจทก์ จำเลยที่ 1 ก็ยังคงไม่ยอมลบข้อมูลส่วนบุคคลของโจทก์ออกจากฐานข้อมูลของจำเลยที่ 1 พร้อมทั้งได้ส่งหนังสือแจ้งมายังโจทก์การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการฝ่าฝืนความยินยอมของโจทก์ โดยยังคงเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของโจทก์ไว้ในฐานข้อมูลของจำเลยที่ 1 อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสิบลบข้อมูลส่วนบุคคลของโจทก์ที่มีอยู่ในฐานข้อมูลของจำเลยที่ 1 ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ชื่อสกุล เลขประจำตัวประชาชน ข้อมูลการกู้ยืม การเป็นหนี้หรือใช้สินเชื่อจากสมาชิกของจำเลยที่ 1 การชำระหนี้ รวมตลอดถึงข้อมูลอื่นๆ ของโจทก์ที่มีอยู่ก่อนวันที่ 20 มกราคม 2549 ออกจากฐานข้อมูลของจำเลยที่ 1 ห้ามมิให้จำเลยที่ 1 เก็บข้อมูลของโจทก์ดังกล่าวข้างต้นที่ได้มีการส่งมายังจำเลยที่ 1 นับแต่วันที่ 20 มกราคม 2549 เป็นต้นไป และห้ามมิให้จำเลยทั้งสิบเปิดเผยหรือแจ้งแก่บุคคลใดๆ ว่าโจทก์ห้ามมิให้จำเลยทั้งสิบเก็บข้อมูลของโจทก์ดังกล่าวกับให้จำเลยทั้งสิบชดใช้ค่าเสียหายจากการละเมิดด้วยการยังคงเก็บข้อมูลของโจทก์ นับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดให้ลบข้อมูลของโจทก์คือวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2549 ในอัตราวันละ 50 บาท ไปจนกว่าจะลบข้อมูลของโจทก์ออกจากฐานข้อมูลของจำเลยที่ 1 โดยคิดถึงวันฟ้องเป็นเวลา 82 วัน คิดเป็นเงินจำนวน 4,100 บาท จำเลยที่ 2 ถึงที่ 10 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนของจำเลยที่ 1 การกระทำต่างๆ ของจำเลยที่ 1 อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ดังกล่าว จึงเป็นการกระทำโดยจำเลยที่ 2 ถึงที่ 10 เป็นผู้กระทำการแทน จำเลยที่ 2 ถึงที่ 10 จึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 1
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ.2545 มาตรา 16 บัญญัติให้จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ประมวลผลข้อมูลจากสมาชิก หรือจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด โดยมีมาตรา 17 วางข้อกำหนดวิธีจัดเก็บข้อมูลให้จำเลยที่ 1 พึงปฏิบัติส่วนมาตรา 18 กำหนดหน้าที่ของสมาชิกของจำเลยที่ 1 ต้องส่งข้อมูลของลูกค้าของตนให้แก่จำเลยที่ 1 การเปิดเผยหรือให้ข้อมูลแก่สมาชิกหรือผู้ใช้บริการที่ประสงค์จะใช้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์สินเชื่อและการออกบัตรเครดิตของจำเลยที่ 1 จะกระทำได้ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนทุกครั้ง เว้นแต่เจ้าของข้อมูลได้ให้ความยินยอมไว้เป็นอย่างอื่น ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด ตามมาตรา 20 สำหรับการให้ความคุ้มครองให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าของข้อมูลเช่นโจทก์ ก็มีมาตรา 25 กำหนดสิทธิของเจ้าของข้อมูลที่จะดำเนินการอันใดได้บ้าง ทั้งนี้โดยไม่มีข้อกำหนดหรือให้สิทธิเจ้าของข้อมูลที่จะยกเลิกเพิกถอนหรือให้ลบข้อมูลของตนได้แต่อย่างใด ฉะนั้น เมื่อการจัดเก็บข้อมูลของจำเลยที่ 1 ตลอดจนการแจ้งหรือส่งข้อมูลของสมาชิกของจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 1 เป็นหน้าที่อันต้องพึงปฏิบัติตามกฎหมาย และไม่ปรากฏวส่าพระราชบัญญ้ติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ.2545 ให้อำนาจเจ้าของข้อมูลที่จะกระทำการยกเลิกเพิกถอนหรือให้ลบข้อมูลได้ ที่จำเลยทั้งสิบไม่ยกเลิกเพิกถอนหรือลบข้อมูลของโจทก์ตามคำร้องขอของโจทก์ จึงมิใช่การกระทำอันเป็นละเมิดที่จะต้องรับผิดต่อโจทก์ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ