แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์รับจ้างตักดินให้จำเลย โดยคิดค่าจ้างเป็นรายเที่ยวรถ การที่จำเลยออกใบเสร็จว่าโจทก์ได้ตักดินให้แล้ว เป็นจำนวนกี่เที่ยวรถมอบให้โจทก์ไว้ ดังนี้เป็นการยอมรับต่อโจทก์ว่าจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ตามข้อความในใบเสร็จดังกล่าวจึงเป็นการรับสภาพหนี้ อายุความในสิทธิเรียกร้องค่าจ้างของโจทก์ย่อมสะดุดหยุดลง และเริ่มนับใหม่ในวันที่ออกใบเสร็จคือวันที่ 23 พฤศจิกายน 2521 เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องใน วันที่ 21 พฤศจิกายน 2523 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(8)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 2 ถึงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2521 จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้ใช้รถเครนตักดินบริเวณกิโลเมตรที่ 4 เขตบางเขน โดยคิดเป็นเที่ยวรถถ้าเป็นรถบรรทุก 6 ล้อ คิดค่าจ้างคันละ 20 บาท ถ้าเป็นรถ 10 ล้อ คิดค่าจ้างคันละ 40 บาท โจทก์ตักดินให้จำเลยเป็นรถ 6 ล้อ 303 คัน และรถ 10 ล้อ489 คัน เป็นค่าจ้างทั้งสิ้น 25,620 บาท โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้รายนี้แล้ว จำเลยเพิกเฉยขอให้ศาลพิพากษาบังคับ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยว่าจ้างโจทก์ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมค่าจ้างที่โจทก์เรียกร้องจากจำเลยขาดอายุความไปส่วนมาก เฉพาะค่าจ้างระหว่างวันที่ 21-23 พฤศจิกายน 2521 เท่านั้น ที่ยังไม่ขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าจ้างตักดินให้โจทก์ 21,672 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยในเรื่องอายุความว่า แม้โจทก์จะรับจ้างตักดินโดยคิดค่าจ้างเป็นเที่ยวรถ การที่จำเลยออกใบเสร็จมอบให้แก่โจทก์ว่าโจทก์ได้ตักดินให้จำเลยเป็นจำนวนกี่เที่ยวรถ ดังนี้ เป็นการยอมรับต่อโจทก์ว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามข้อความในใบเสร็จดังกล่าว จึงเป็นการรับสภาพหนี้ อายุความในสิทธิเรียกร้องค่าจ้างของโจทก์ย่อมสะดุดหยุดลงและเริ่มนับใหม่ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2521 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยออกใบเสร็จดังกล่าวเป็นต้นไป เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2523คดีจึงไม่ขาดอายุความซึ่งมีกำหนดเวลา 2 ปี
พิพากษายืน