คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2664/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นบุตรของผู้ตายตามความเป็นจริงแม้จะไม่ใช่ บุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็ถือว่าเป็นผู้สืบสันดานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(2) โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง คดีก่อนพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง ย. ว่าจะแทงจำเลย แต่ไปถูกผู้ตายคดีนี้โจทก์ฟ้องว่า ขณะที่ ย. จะ แทงจำเลย จำเลยได้จับตัวผู้ตายเหวี่ยงมาบังตัวไว้และ ผลักไปข้างหน้า เป็นเหตุให้ผู้ตายถูก ย.แทงถึงแก่ความตายดังนี้การกระทำของ ย. และจำเลยเป็นคนละส่วน กัน และในคดีก่อนจำเลยก็มิได้ ถูกฟ้องด้วย ฟ้อง โจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1526/2497)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ขณะที่นายเยื้องใช้มีดปลายแหลมจะแทงจำเลยโดยเจตนาฆ่า จำเลยได้จับตัวนายพร้อมบิดาโจทก์เหวี่ยงมาบังคับตัวจำเลยไว้และผลักไปช่วงข้างหน้า เป็นเหตุให้นายพร้อมถูกนายเยื้องแทงถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 290

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ให้ประทับฟ้อง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ลงโทษจำคุก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า โจทก์เป็นบุตรของผู้ตายตามความเป็นจริงแม้จะไม่ใช่บุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็ถือว่าเป็นผู้สืบสันดาน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(2) โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ดังที่ศาลฎีกาวินิจฉัยไว้แล้วในคำพิพากษาฎีกาที่ 1526/2497 ระหว่างเด็กหญิงบุบผา เนียมฉาย โดยนางเยื้อง เนียมฉาย มารดาผู้แทนโดยชอบธรรม โจทก์ นายสิบตำรวจตรีน้อย บุญถนอม จำเลย

ส่วนที่จำเลยฎีกาว่ากรณีเดียวกันนี้นายเยื้อง ถูกพนักงานอัยการฟ้องว่าฆ่าผู้ตายไปแล้ว เมื่อมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนั้นพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องว่า นายเยื้องเจตนาจะแทงจำเลยแต่ไปถูกผู้ตาย แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า ขณะที่นายเยื้องจะแทงจำเลยจำเลยได้จับตัวผู้ตายมาบังคับไว้และผลักไปข้างหน้า เป็นเหตุให้ผู้ตายถูกนายเยื้องแทงถึงแก่ความตาย ดังนี้การกระทำของนายเยื้องและจำเลยเป็นคนละส่วนกันและในคดีก่อนจำเลยก็มิได้ถูกฟ้องด้วย การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ แต่ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้ว เห็นว่าพยานโจทก์เป็นที่น่าสงสัยว่าจำเลยจะได้กระทำผิดหรือไม่ ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นผลดีแก่จำเลย

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share