แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อบังคับของธนาคารนายจ้างกำหนดเงื่อนไขในการจ่ายบำเหน็จว่าลูกจ้างต้องมีระยะเวลาทำงานตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป ระยะเวลาทำงานนับตั้งแต่วันบรรจุลูกจ้างเข้าทำงานประจำใน ธนาคาร ดังนี้ ลูกจ้างจะมีสิทธิรับบำเหน็จต้องนับ ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ลูกจ้างได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็น พนักงานธนาคารของนายจ้าง ไม่ใช่นับแต่วันที่ลูกจ้างได้รับการบรรจุเป็นลูกจ้างชั่วคราว และเงินบำเหน็จนี้เป็นเงินที่ นายจ้างสมัครใจจ่ายแก่ลูกจ้าง ไม่ใช่เงินที่กฎหมายกำหนดให้นายจ้างต้องจ่าย นายจ้างจะวางเงื่อนไขและวิธีการอย่างไร ย่อมสุดแล้วแต่ดุลพินิจของนายจ้าง ข้อบังคับของจำเลย จึงหาขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างประจำ ต่อมาโจทก์ลาออก อายุการทำงานของโจทก์เกิน ๕ ปี โจทก์มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จตามข้อบังคับของจำเลย โจทก์ขอรับเงินดังกล่าว จำเลยปฏิเสธอ้างว่าโจทก์มีอายุการทำงานไม่ครบ ๕ ปี ไม่มีสิทธิรับเงินบำเหน็จ วิธีนับอายุการทำงานตามระเบียบที่จำเลยกำหนดขึ้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนและไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินบำเหน็จพร้อมทั้งดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีสิทธิรับบำเหน็จจากจำเลยตามฟ้อง จำเลยให้โจทก์เป็นลูกจ้างชั่วคราวตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๑๘ จำเลยบรรจุโจทก์เป็นพนักงานประจำตั้งแต่วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๑๙ ระยะเวลาทำงานเพื่อคำนวณบำเหน็จตามข้อบังคับของจำเลยจึงต้องเริ่มนับจากวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๑๙ไม่ใช่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๑๘ เมื่อโจทก์ออกจากงานในวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๒๓จึงมีระยะเวลาทำงานไม่ครบ ๕ ปี ตามเงื่อนไขที่จะได้รับบำเหน็จตามข้อบังคับของจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ตามข้อบังคับของจำเลยว่าด้วยเงินบำเหน็จกำหนดว่า “เมื่อผู้ปฏิบัติงานออกจากงานหรือถึงแก่ความตาย ให้ธนาคารจ่ายเงินบำเหน็จแล้วแต่กรณีดังต่อไปนี้ (๑) จ่ายให้แก่ผู้ปฏิบัติงานเมื่อผู้ปฏิบัติงานออกจากงานโดยมีระยะเวลาทำงานตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป” ส่วนวิธีนับระยะเวลาทำงานกำหนดไว้ว่า “ระยะเวลาทำงานหมายความว่า ระยะเวลาตั้งแต่วันบรรจุผู้ปฏิบัติงานเข้าทำงานประจำในธนาคารจนถึงวันที่ออกจากงาน” ดังนี้จึงต้องเริ่มนับระยะเวลาทำงานของโจทก์ตั้งแต่วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๑๙ ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานของธนาคารจำเลย ไม่ใช่นับตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๑๘ ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ได้รับการบรรจุเป็นลูกจ้างชั่วคราวฉะนั้น ระยะเวลาการทำงานในฐานะพนักงานประจำของโจทก์นับถึงวันลาออกจึงไม่ครบ ๕ ปี โจทก์จึงไม่มีสิทธิรับเงินบำเหน็จ เงินบำเหน็จที่จำเลยจ่ายแก่ลูกจ้างของจำเลยนั้น เป็นเงินที่จำเลยสมัครใจจ่ายเพื่อตอบแทนแก่ลูกจ้างที่ปฏิบัติงานมานานโดยไม่มีความผิด ไม่ใช่เงินที่กฎหมายกำหนดให้จำเลยต้องจ่าย ดังนั้นจำเลยจะวางเงื่อนไขและวิธีการอย่างไรย่อมสุดแล้วแต่ดุลพินิจของจำเลยข้อบังคับของจำเลยจึงไม่ขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนแต่อย่างไร
พิพากษายืน