คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5349/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อ. ลูกจ้างจำเลยตำแหน่งสัตวบาล มีหน้าที่ดูแลสุกรขุน ไม่มีหน้าที่ขับรถยนต์ หลังจากเลิกงาน อ. ได้ขอยืมรถยนต์จากผู้จัดการของจำเลยขับไปรับประทานอาหารข้างนอกฟารม์ของจำเลย จึงเป็นเรื่องส่วนตัวของ อ. แม้ว่าผู้จัดการของจำเลยจะรู้เห็นยินยอมให้นำรถไปใช้ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการขับรถไปในทางการที่จ้าง เมื่อ อ.ขับรถไปเกิดเหตุชนกันขึ้น จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกสิบล้อ ยี่ห้อฟูโซ่คันหมายเลขทะเบียน ๗๐-๐๐๑๗ ระนอง ไว้ในประเภทรับผิดชดใช้ค่าเสียหายโดยสิ้นเชิง จำเลยเป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน ๘๐-๔๗๓๑ ราชบุรี และเป็นนายจ้างผู้ว่าจ้างให้นายอุทัย บางหลวง ขับขี่รถยนต์ดังกล่าวในทางการที่จ้างของจำเลยขณะเกิดเหตุด้วยความประมาท เป็นเหตุให้เกิดชนกันขึ้นทำให้รถยนต์บรรทุกคันหมายเลข ๗๐-๐๐๑๗ ระนอง ได้รับความเสียหาย โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์ดังกล่าวได้จัดการซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพดี โจทก์จ่ายค่าเสียหายดังกล่าวไปแล้วจึงได้รับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันมาเรียกร้องเอาจากจำเลย ขอคิดค่าดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน ๙๓,๘๕๐ บาท นับแต่วันเกิดเหตุถึงวันฟ้องเป็นดอกเบี้ย๗,๐๓๘ บาท ขอให้จำเลยชำระเงิน ๑๐๐,๘๘๘ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ด ครึ่งต่อปีของต้นเงิน ๙๓,๘๕๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า นายอุทัย บางหลวง ขับรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน ๘๐-๔๗๓๑ ราชบุรี ซึ่งเป็นของจำเลยจริง แต่มิได้กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลย และเหตุละเมิดเกิดเพราะความประมาทของผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน ๗๐-๐๐๑๗ ระนอง โดยนายอุทัยมิได้ก่อเหตุละเมิดด้วยโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ค่าเสียหายที่โจทก์ชดใช้ไปไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท และโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยนับแต่วันที่เกิดเหตุละเมิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายอุทัย บางหลวง สมัครเข้ามาเป็นลูกจ้างของจำเลยเมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๒๔ ในตำแหน่งสัตวบาล แผนกสุกรขุนมีหน้าที่ดูแลสุกรขุน ทำงานระหว่างเวลา ๘ นาฬิกา ถึง ๑๗ นาฬิกาไม่มีหน้าที่ขับรถยนต์ให้จำเลย วันเกิดเหตุเวลา ๑๙ นาฬิกา นายอุทัยกับนายจันทร์ได้มาขอยืมรถยนต์คันเกิดเหตุจากนายสรรชัย ผู้จัดการของจำเลยขับไปรับประทานอาหารที่สี่แยกปากท่อ ซึ่งอยู่ห่างจากฟาร์มของจำเลยประมาณ ๗ กิโลเมตร ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวของนายอุทัย หาได้ขับรถไปเกิดเหตุในทางการที่จ้างของจำเลยไม่ แม้ว่านายสรรชัย จะรู้เห็นยินยอมให้นำรถไปใช้ก็ตามก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการขับรถไปในทางการที่จ้างของจำเลย ดังนั้นจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
พิพากษายืน.

Share