คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ขอรับชำระหนี้ขอรับชำระหนี้เงินที่จำเลยกู้ยืมผู้ขอรับชำระหนี้ไป แต่การกู้เงินนั้นจำเลยมิได้ทำหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือให้ผู้ขอรับชำระหนี้ยึดถือไว้ จำเลยเพียงแต่ออกเช็คให้ผู้ขอรับชำระหนี้ยึดถือไว้เท่านั้น เช็คที่จำเลยออกให้ผู้ขอรับชำระหนี้ยึดถือไว้ไม่มีคำว่ากู้หรือยืม และข้อความในเช็คก็ไม่มีเค้าว่าเป็นการกู้ยืม สภาพของเช็คก็เป็นการใช้เงินไม่ใช่การกู้ยืม เช็คที่จำเลยออกให้ผู้ขอรับชำระหนี้จึงไม่ใช่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม เมื่อผู้ขอรับชำระหนี้ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยผู้กู้มาแสดง หนี้ที่ขอรับชำระจึงเป็นหนี้ที่จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ดังนั้น ผู้ขอรับชำระหนี้จะขอรับชำระหนี้เงินกู้รายนี้ไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1595/2503 และ 997/2510)

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาด ผู้ขอรับชำระหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อ้างว่า จำเลยเป็นหนี้เงินกู้ผู้ขอรับชำระหนี้อยู่ ๑,๐๕๐,๐๐๐ บาท และจำเลยออกเช็คให้ผู้ขอรับชำระหนี้ยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้รวม ๘ ฉบับ
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานของผู้ขอรับชำระหนี้ ไม่น่าเชื่อว่าผู้ขอรับชำระหนี้จ่ายเงินให้จำเลยไปเป็นจำนวนเงินถึง ๑,๐๕๐,๐๐๐ บาท เช็คที่ผู้ขอรับชำระหนี้นำมาขอรับชำระหนี้น่าเชื่อว่าเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นเพราะการสมยอมกันระหว่างจำเลย กับผู้ขอรับชำระหนี้ ทำขึ้นเพื่อเอาเปรียบเจ้าหนี้อื่น จึงต้องห้ามไม่ให้ได้รับชำระหนี้ตามมาตรา ๙๔ (๒) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ สมควรยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้ขอรับชำระหนี้เสีย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้ขอรับชำระหนี้
ผู้ขอรับชำระหนี้ขออุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ขอรับชำระหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การขอรับชำระหนี้รายนี้ ผู้ขอรับชำระหนี้มิได้ขอรับชำระหนี้ตามเช็คที่จำเลยออกให้ผู้ขอรับชำระหนี้ แต่ผู้ขอรับชำระหนี้ขอรับชำระหนี้เงินที่จำเลยกู้ยืมผู้ขอรับชำระหนี้ไปรวม ๘ ครั้ง แต่การกู้เงินทั้ง ๘ ครั้ง จำเลยมิได้ทำหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือให้ผู้ขอรับชำระหนี้ยึดถือไว้ จำเลยเพียงแต่ออกเช็คให้ผู้ขอรับชำระหนี้ยึดถือไว้เท่านั้น เช็คที่จำเลยออกให้ผู้ขอรับชำระหนี้ยึดถือไว้ไม่มีคำว่ากู้หรือยืม และข้อความในเช็คก็ไม่มีเค้าว่าเป็นการกู้ยืม สภาพของเช็คก็เป็นการใช้เงินไม่ใช่เป็นการกู้ยืมเงิน เช็คที่จำเลยออกให้ผู้ขอรับชำระหนี้จึงไม่ใช่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงิน ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๕๙๕/๒๕๐๓ ระหว่างนายเธียร เขียวขำแสง โจทก์ นายสุริยนต์ ศัลยานุบาล จำเลยเมื่อผู้ขอรับชำระหนี้ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยผู้กู้มาแสดง หนี้ที่ขอรับชำระจึงเป็นหนี้ที่จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ ดังนั้น ผู้ขอรับชำระหนี้จะขอรับชำระหนี้เงินกู้รายนี้ไม่ได้เพราะต้องห้ามตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔ และตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ ๙๙๗/๒๕๑๐ ระหว่างนางสมวรรณ ท้าวสัน โจทก์ นายสมพงษ์ ดาวพิเศษ จำเลย นายสนม สังขรัตน์ เจ้าหนี้ ผู้รับชำระหนี้ที่ศาลอุทธรณ์อ้าง และไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้ขอรับชำระหนี้ที่ว่าหนี้รายนี้มิได้เป็นการสมยอมระหว่างผู้ขอรับชำระหนี้กับจำเลยอันจะทำให้เจ้าหนี้อื่นเสียเปรียบที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งยกคำขอรับชำระหนี้รายนี้เสียนั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ขอรับชำระหนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share