คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3297/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ดูแลรักษาเอกสารเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินของวัด ได้บังอาจร่วมกันปลอมเอกสารคือใบเสร็จรับเงินของคณะกรรมการวัดขึ้นทั้งฉบับ เพื่อรับเงินบำรุงวัดไปโดยอาศัยที่ตนมีหน้าที่นั้น และจำเลยกับพวกได้บังอาจร่วมกันเบียดบังเอาเงินจำนวนดังกล่าวเป็นของตนเองโดยทุจริต อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่กรรมการวัดและเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่กระทรวงศึกษาธิการ ผู้ว่าราชการจังหวัด และประชาชนทั่วไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147,157 และ 161 ดังนี้ ถือได้ว่า โจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานปลอมเอกสารตามมาตรา 264 ไว้ครบถ้วนและประสงค์ให้ลงโทษจำเลยในความผิดดังกล่าวด้วย เมื่อได้ความว่าจำเลยกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารตาม-มาตรา 264 ตามที่โจทก์บรรยายฟ้องไว้ จึงลงโทษจำเลยตามมาตราดังกล่าวได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกที่หลบหนีอีก ๑ คน ซึ่งรับราชการในตำแหน่งผู้ช่วยศึกษาธิการอำเภอวังสพุง ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ดูแลรักษาเอกสารเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินของวัดวิเวกธรรมคุณ ได้บังอาจร่วมกันปลอมเอกสารคือใบเสร็จรับเงินของคณะกรรมการวัดวิเวกธรรมคุณขึ้นทั้งฉบับ เพื่อรับเงินบำรุงวัดดังกล่าวจำเลยสามหมื่นบาท ไปจากหลักฐานบัญชีของทางราชการโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น และตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยกับพวกซึ่งเป็นเจ้าพนกังานมีหน้าที่รักษาทรัพย์สินและการเงินของแผนกศึกษาธิการจังหวัดเลย หลังจากได้ปลอมใบเสร็จรับเงินเพื่อบำรุงวัดวิเวกธรรมคุณจำนวนสามหมื่นบาทออกไปจากบัญชีของทางราชการแล้ว จำเลยกับพวกได้บังอาจร่วมกันเบียดบังเอาเงินจำนวนสามหมื่นบาทนั้นเป็นของตนเองโดยทุจริต อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตและโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่นายหมอน นายสังวรณ์ นายสิทธิ์ กรรมการวัด วิเวกธรรมคุณ และเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่กระทรวงศึกษาธิการ ผู้รักษาราชการจังหวัดเลยและประชาชนทั่วไป เจ้าพนักงานยึดใบเสร็จรับเงินปลอม ๑ ฉบับไว้เป็นของกลางขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗,๑๕๗,๑๖๑,๘๓ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๓,๑๓ และริบใบเสร็จของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ฟังว่าจำเลยปลอมเอกสารใบเสร็จรับเงินพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔ จำคุก ๑ ปี ๖ เดือน คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ ๑ ใน ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ จำคุกจำเลยไว้ ๑ ปี ข้อหาอื่นให้ยก ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ของกลางริบ
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ใบเสร็จรับเงินอุดหนุนของวัดวิเวกธรรมคุร ฉบับลงวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๑๘ เป็นเอกสารปลอมที่จำเลยเป็นผู้ทำขึ้น ซึ่งทำให้ นายสิทธิ์ นายหมอน นายสังวรณ์ได้รับความเสียหาย
วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ในปัญหาต่อไปที่ว่า จะลงโทษจำเลยฐานปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔ ได้หรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่จำเลยมีหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๖๑ ตามฟ้อง ข้อ ก. และข้อ ข. กล่าวว่า จำเลยยักยอกเอาเงินจำนวนสามหมื่นบาทเป็นของตนเองโดยทุจริตอันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและโดยมิชอบ ซึ่งโจทก์บรรยายฟ้องต่อไปว่า “เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่นายหมอน นายสังวรณ์ และนายสิทธิ์ และเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่กระทรวงศึกษาธิการ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย และประชาชนทั่วไป” อันเป็นองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔ ถือได้ว่าโจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานปลอมเอกสารของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔ ไว้ครบถ้วนและประสงค์ให้ลงโทษจำเลยในความผิดดังกล่าวด้วยเมื่อการกระทำของจำเลยครบองค์ประกอบความผิดฐานปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔ ตามที่โจทก์บรรยายฟ้องไว้ จึงลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔ ได้ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share