คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1097/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เรือน 3 หลังปลูกติดต่อเป็นหลังเดียวกัน ทำรั้วบ้านด้านข้างติดต่อรั้วเดียวกันมีนอกชานด้านหน้าซึ่งทำประตูเข้าไว้ตรงนอกชานทั้งปรากฏว่าเจ้าของได้อยู่อาศัยอย่างเป็นบ้านเดียวกันมาหลายสิบปีและส่วนของสิ่งปลูกสร้างของเรือนหลังหนึ่งล้ำเข้าไปอยู่ในเรือนของอีกหลังหนึ่ง ตัวเรือนมีชายคาติดต่อต้องใช้รางน้ำร่วมกัน แม้เรือนทั้ง 3 หลังจะปลูกต่างปีกัน ก็ฟังได้ว่าเรือนทั้ง 3 หลังนั้นเป็นส่วนควบซึ่งกันและกัน

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้พิจารณาพิพากษารวมกัน

เดิมโจทก์ฟ้องขอบังคับจำนอง แล้วโจทก์จำเลยตกลงทำยอมความกันไว้ต่อศาลว่า จำเลยยอมรับผิดชำระหนี้ทั้งสองสำนวนให้ ถ้าจำเลยผิดนัดให้โจทก์บังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์จำนองสองรายนี้ และโจทก์ไม่ติดใจว่ากล่าวแก่จำเลยมากไปกว่านี้ ต่อมาจำเลยไม่ชำระหนี้ โจทก์จึงนำยึดทรัพย์

ผู้ร้องทั้ง 2 ซึ่งเป็นสามีภริยากัน ร้องขัดทรัพย์ว่าโจทก์นำยึดเลยไปถึงที่ดินครอบครองของผู้ร้องทั้ง 2 กับบ้านอีก 3 หลังซึ่งมิใช่ทรัพย์ที่จำนอง ขอให้ศาลสั่งถอนการยึด

โจทก์ให้การว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นทรัพย์ติดจำนอง เพราะที่ดินที่ผู้ร้องว่าเป็นที่ดินครอบครองนั้น เป็นที่ดินที่งอดออกไปจากที่ดินโฉนดที่จำเลยจำนองกับโจทก์ไว้ ส่วนบ้านทั้ง 3 หลังก็ปลูกสร้างไว้บนที่ดินนั้นก่อนจำนอง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่ดินที่ผู้ร้องว่าเป็นที่ดินครอบครองเป็นที่งอกจากที่ดินโฉนดที่จำนอง จึงตกอยู่ในภารจำนองด้วย และบ้านหลังที่ 1 ก็ปลูกบนที่งอกก่อนจำนองถือว่าตกอยู่ในภาระจำนองด้วย ให้ถอนการยึดบ้านหลังที่ 2-3

โจทก์และผู้ร้องขัดทรัพย์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องขัดทรัพย์ที่ 1และให้คงยึดบ้านหลังที่ 2, 3 ไว้ด้วย

ผู้ร้องขัดทรัพย์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าสัญญาจำนองครอบถึงที่งอกด้วยโดยผลแห่งกฎหมายแต่สำหรับบ้านพิพาทนั้นยังมีข้อที่จะต้องพิจารณาต่อไปอีก จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้ง 2 และย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานและพิพากษาใหม่

ศาลชั้นต้นสืบพยานและไปตรวจดูบ้านพิพาท แล้ววินิจฉัยว่านายกรีดผู้ร้องขัดทรัพย์ที่ 1 เป็นสามีจำเลย ไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์และนางลิ้นจี่ผู้ร้องขัดทรัพย์ที่ 2 เป็นจำเลยในคดีนี้ คำร้องขัดทรัพย์จึงเป็นเพียงคัดค้านการบังคับจำนอง และฟังว่าขณะจำนองที่ดินครอบครองไม่ใช่ที่งอก ไม่เป็นส่วนควบของที่ดินที่จำนอง ส่วนบ้านทั้ง 3 หลังปลูกอยู่ในที่สาธารณะไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างตามสัญญาจำนอง ให้โจทก์ถอนการยึดที่ดินครอบครองและบ้านทั้ง 3 หลัง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยึดที่ดินครอบครองที่พิพาทและเรือนพิพาททั้ง 3 หลังไว้

ผู้ร้องขัดทรัพย์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ในขณะทำสัญญาจำนอง ที่พิพาทเป็นที่งอกริมตลิ่ง และว่าเรือนพิพาทหลังในบางส่วนปลูกอยู่บนที่ดินครอบครองที่พิพาท เรือนหลังกลางและหลังหน้าปลูกติดต่อเป็นบ้านหลังเดียวกันบนที่ลาดลุ่มริมตลิ่งต่อจากที่งอก ทำรั้วบ้านด้านข้างติดต่อรั้วเดียวกันทั้ง3 หลัง รวมทั้งมีนอกชานด้านหน้าซึ่งทำประตูเข้าไว้ตรงนอกชาน และผู้ร้องได้ปลูกบ้านทั้ง 3 หลังนี้อยู่อาศัยอย่างเป็นบ้านเดียวกันมาหลายสิบปีแล้ว ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้ครอบครองเรือนพิพาทแยกกันมา การที่ผู้ร้องนำสืบว่าได้ปลูกบ้านพิพาทแต่ละหลังคนละปีกันนั้น ก็เป็นการปลูกเรือนต่อเติมออกไปอีกเท่านั้น ทั้งตามรายงานพิจารณาที่ศาลไปเดินเผชิญสืบก็ปรากฏว่า ส่วนของสิ่งปลูกสร้างของเรือนอีกหลังหนึ่งล้ำเข้าไปอยู่ในเรือนของอีกหลังหนึ่ง ตัวเรือนมีชายคาติดต่อต้องใช้รางน้ำร่วมกัน ฟังได้ว่าเรือนพิพาททั้ง 3 หลังได้ปลูกติดต่อกันเป็นส่วนควบซึ่งกันและกัน

พิพากษายืน

Share