แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายยิงจำเลยก่อนแต่ไม่ถูก ขณะที่ผู้ตายกำลังเอี้ยวตัวหักลำปืน จำเลยยิงผู้ตาย 1 นัด ผู้ตายล้มลง จำเลยยิงซ้ำอีก 2 นัด เพราะกลัวผู้ตายจะไม่ตาย เป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยฆ่าคนตายโดยเจตนา
จำเลยต่อสู้ว่าป้องกันตัว
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ผู้ตายเข้ามาในนาจำเลยเพื่อปล้นกระบือ จำเลยยิงผู้ตายขณะผู้ตายบรรจุกระสุนปืน เป็นการป้องกันตัวและทรัพย์สินโดยชอบ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ตามพฤติการณ์เชื่อไม่ได้ว่าผู้ตายเข้าไปในนาของบิดาจำเลยเพื่อลักหรือปล้นกระบือ ผู้ตายเข้าไปในนาของบิดาจำเลยและประจันหน้ากับจำเลย ผู้ตายยิงจำเลยก่อน แต่ไม่ถูก ขณะผู้ตายบรรจุกระสุนใหม่และหันหลังจะก้าวหนี จำเลยจึงยิงผู้ตายในระยะติดพันกันรวม ๓ นัด จนผู้ตายตายคาที่ เป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยไปถึงจอมปลวกคนละฟากกับที่ผู้ตายปล้ำจับเด็กชายสมหวัง ผู้ตายเห็นจำเลยได้ยิงมาทางจำเลย ๑ นัด จำเลยได้หลบหมอบลง พอจำเลยโผล่ขึ้นจะยิงก็ถูกยิ่งอีก จำเลยจึงหมอบลง พอโผล่ดูเห็นผู้ตายกำลังเอี้ยวตัวหักลำปืน จำเลยยกปืนขึ้นผู้ตายก็หันหลังก้าวจะหนี จำเลยจึงยิงไป ๑ นัด ผู้ตายล้มลง แล้วจำเลยได้ยิงซ้ำอีก ๒ นัดเพราะกลัวผู้ตายจะไม่ตาย ผู้ตายล้มลงห่างจากที่ยืนยิงจำเลยทีแรก ๑ ก้าวยาว ๆ การที่จำเลยยิงผู้ตายอีก ๒ นัด หลังจากผู้ตายล้มลงแล้ว จำเลยว่าเพราะกลัวผู้ตายจะไม่ตายจึงยิงอีก ๒ นัดนั้น การทำเช่นนี้เป็นการเกินสมควรแก่เหตุ เกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็นที่จะต้องกระทำเพื่อป้องกัน ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยเพราะจำเลยทำเกินสมควรแก่เหตุ จึงชอบแล้ว.